/home/homedecor/domains/www1.homedecorthai.com/public_html/templates/default/ext/ui/article_detail.tpl.php ซื้อบ้านดีกว่ามั๊ย เพราะยังไงก็ ...
 
 
    
   
     
     
   
 

ซื้อบ้านดีกว่ามั๊ย เพราะยังไงก็ ...

คอนโดขนาดเล็ก

1 ก.ค. 2557

ซื้อบ้านดีกว่ามั๊ย เพราะยังไงก็ ...

        Homedecorthai นำบทความสาระดีดีของ อ. จักรพงษ์ เมษพันธุ์  จากแนวหน้า วันอาทิตย์ ที่ 03 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 มาฝากกัน สำหรับใครที่กำลังตัดสินใจที่จะซื้อคอนโดอยู่

            ลูกศิษย์ของผมคนหนึ่งโทรมาปรึกษา บอกว่าเพิ่งทะเลาะกับภรรยา เรื่องซื้อบ้าน

ปัจจุบันเขาและภรรยาเช่าคอนโดเล็กๆ ย่านห้วยขวาง เดือนละ 5,000 บาท แต่ด้วยขนาดห้องที่เล็ก ไม่ค่อยมีพื้นที่ กิน นอน ดูหนัง ทำงาน ในที่เดียวกันหมด ภรรยาก็เลยถามสามีแบบเปรยๆว่า

“ซื้อบ้านเป็นของตัวเองดีกว่ามั๊ย เพราะยังไงมันก็เป็นของเรา ดีกว่าเช่าเขาแบบนี้ ต้องเอาเงินไปให้ใครก็ไม่รู้ทุกเดือน เดือนละตั้งห้าพันแหนะ”

ด้วยความเป็นลูกศิษย์ก้นกุฏิของผม สามีจึงตอบกลับไปในทันทีว่า “บ้านเป็นหนี้สิน ไม่ใช่ทรัพย์สิน ดังนั้นเช่าเขาอยู่หนะดีแล้ว อย่าหาเรื่องเป็นหนี้จะดีกว่า”

เท่านั้นแหละ ... บ้านแทบแตก เพราะคนหนึ่งก็อยากได้บ้าน ในขณะที่อีกคนไม่อยากเป็นหนี้

ที่จริงก็ต้องบอกว่าไม่มีใครถูกหรือผิดหรอกครับ ในมุมมองของผม ถ้าซื้อบ้านแล้วมี “ปัญญา” ส่ง ซื้อแล้วชีวิตประจำวันประจำเดือนไม่ติดลบ ก็ซื้อไปเถอะครับ ไม่ว่ากัน

แต่ถ้าหากการเปลี่ยนสถานะจากการเป็นผู้เช่า มาเป็นผู้กู้ซื้อบ้าน ทำให้สภาพคล่องของคุณติดลบ เงินหลังหักส่งบ้านแล้วไม่พอกินไม่พอใช้ อย่างนี้การซื้อบ้านก็อาจเป็นการทำร้ายสภาวะทางการเงินของตัวเองเกินไปครับ

ข้อดีของการซื้อบ้านเป็นของตัวเอง ก็คือ

• ความภูมิใจที่ได้เป็นเจ้าของ (อันนี้การเช่าคงให้ไม่ได้)

• การบังคับให้ตัวเองออมเงินแบบไม่ตั้งใจ แทนที่จะให้เงินกับคนอื่นไป

• สิทธิประโยชน์ด้านภาษี เอาดอกเบี้ยผ่อนชำระบ้านไปหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 100,000 บาท

ส่วนการ “เช่า” ก็มีข้อดี คือ

• เลือกอัตราค่าเช่าได้ตามกำลัง

• ไม่มีภาระผูกพัน เปลี่ยนทำเลได้ง่ายกว่า

จะเห็นได้ว่า จะเช่าหรือจะซื้อ ก็มีข้อดีข้อเสียกันคนละอย่าง ข้อดีของการเช่า ก็คือ ข้อเสียของการซื้อ ในขณะที่ข้อดีของการซื้อ ก็คือ ข้อเสียของการเช่า ดังนั้นจึงต้องเป็นหน้าที่ของคนแต่ละคนที่ต้องวางแผนเอาเอง

โดยมีเกณฑ์สำคัญในการตัดสินใจ ก็คือ “ค่าผ่อนชำระ” กับ “ค่าเช่า”

ถ้าบ้านหรือคอนโดที่เราตั้งใจจะซื้อ มีค่าผ่อนชำระไม่ต่างจากค่าเช่าในปัจจุบันมากนัก ก็อาจพิจารณาเปลี่ยนจากเช่าเป็นซื้อได้ เช่น ถ้าปัจจุบันเช่าคอนโดเดือนละ 5,000 บาท ก็อาจเปลี่ยนไปซื้อคอนโด ซึ่งต้องผ่อนชำระเดือนละ 5,000 - 6,000 บาทได้

อย่างไรก็ดี ในการซื้อบ้าน (หรือคอนโด) นั้น บางธนาคาร หรือสำหรับบางคนอาจกู้ได้ไม่ทั้งหมด 100 เปอร์เซ็นต์ พูดง่ายๆ ก็คือ ต้องมีเงินดาวน์สัก 10 - 20 เปอร์เซ็นต์ แบบนี้ก็ต้องมาดูกันว่า ท่านมีเงินดาวน์หรือไม่

ถ้ามีก็ลุย ไม่มีปัญหา แต่ถ้าไม่มี และต้องกู้ยืมชาวบ้านเขามาอีก อันนี้อาจต้องพิจารณาให้ดี เพราะจะทำให้คุณมีหนี้ 2 ก้อน ก้อนหนึ่งผ่อนได้ 30 ปี แต่อีกก้อนซึ่งกู้มาวางดาวน์ อาจเป็นกู้ระยะสั้น ซึ่งทำให้มีภาระต่อเดือนสูงกว่า

แต่หากเงินผ่อนชำระต่อเดือนของบ้านในฝันสูงกว่าค่าเช่ามาก อันนี้ต้องใส่ใจพิจารณาเป็นพิเศษครับ

เช่น อยากได้บ้าน 3 ล้าน ส่งเดือนละ 16,000 บาท แต่ปัจจุบันเช่าอยู่เดือนละ 5,000 บาท อันนี้ก็ต้องดูว่า ค่าใช้จ่ายที่เปลี่ยนแปลงไป ส่งผลกระทบกับสภาพคล่องของเรามากน้อยแค่ไหน

การเปรียบเทียบนี้ต้องมองแบบต้นทุนรวมนะครับ เช่น อาจต้องส่งบ้านแพงขึ้น (16,000 บาท) แต่อาจลดค่าใช้จ่ายการเดินทางได้ 4,000 บาทต่อเดือน อย่างนี้ก็จะเหลือส่วนต่างที่ต้องจ่ายเพิ่มเท่ากับ 7,000 บาท

คำถามคือ 7,000 บาทที่เพิ่มมานี้ กระทบสภาพคล่องแค่ไหน?

การจะดูว่ารายจ่ายที่เพิ่มมานี้กระทบสภาพคล่องแค่ไหน ก็ให้ดูว่า ในแต่ละเดือนที่ผ่านมา เราใช้จ่ายมีเงินเหลือเดือนละเท่าไหร่ ถึง 7,000 มั๊ย

ถ้าที่ผ่านมาแทบไม่เคยจะมีเงินเหลือ แบบนี้ก็อาจจะต้องชะลอการซื้อบ้านเอาไว้ก่อน เพราะขืนซื้อไปมีหวัง จมกองหนี้ตายแน่นอน แต่ถ้าหากที่ผ่านมีเงินเหลือ 10,000 บาททุกเดือน อย่างนี้ก็น่าจะสบาย

ประเด็นเรื่องหนึ่งที่ควรพิจารณาก็คือ แม้ว่าซื้อบ้านแล้วสถานะการเงินจะไม่ติดลบ แต่ถ้าหากเรามีหนี้ในชีวิตมากเกินไป โอกาสที่จะพลาดพลั้งและประสบปัญหาทางการเงินในวันข้างหน้าก็เป็นไปได้

ถ้าให้ดี คนเราไม่ควรมีเงินผ่อนคืนหนี้ต่อรายได้เกิน 40 เปอร์เซ็นต์ หรือพูดง่ายๆ คือ ถ้ามีรายได้ 100 บาท ก็ไม่ควรต้องจ่ายหนี้เกิน 40 บาท เพราะหากเกินจากนี้ เราจะไม่เหลือเงินไว้ใช้จ่ายเพื่อการอื่นๆ และสุดท้ายก็อาจติดกับดักหนี้จากเงินไม่พอใช้ได้

แม้ว่าการมีบ้านเป็นของตัวเอง จะเป็นเครื่องแสดงถึงความมั่นคงในชีวิตของคนเรา แต่การซื้อบ้านทั้งที่ไม่พร้อม ก็อาจเป็นการสร้างปัญหาและทำลายความมั่นคงในชีวิตได้เช่นกัน

จำไว้ว่าบ้านจะดีหรือไม่ ขึ้นอยู่กับคนที่อาศัยอยู่รวมกันในบ้านหลังนั้น ไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเราเป็นเจ้าของมันหรือไม่อย่างไร

จะซื้อบ้านเมื่อไหร่ เป็นเรื่องที่รอได้ แต่ความรักที่ทุกคนมีให้กันนั้น ต้องเริ่มทันที และมีได้ทุกวัน

 


จำนวนคนอ่าน : 7378 คน

บทความที่ใกล้เคียงกัน : หลักการลงทุน

 

หินขัด หินล้าง ทรายล้าง คอนกรีตพิมพ์ลาย

แสงไฟเพื่อบรรยากาศของบ้านสวย

10 มิ.ย. 2554
แสงไฟเพื่อบรรยากาศของบ้านสวย

แสงไฟ…เป็นสิ่งสำคัญอย่างหนึ่งสำหรับการใช้ชีวิตของมนุษย์ เพื่อทดแทนหรือเพิ่มเติมความสว่างจากแสงธรรมชาติ เพื่อให้การทำกิจกรรมต่าง ๆ เป็นไปอย่างสะดวกและปลอดภัย หรือเป็นการเพิ่มความสว่างให้กับมุมอันมือทึบของบ้าน     Read more

แนะนำวิธีการใช้น้ำอย่างประหยัด

10 มิ.ย. 2554
แนะนำวิธีการใช้น้ำอย่างประหยัด

ชีวิตประจำวันของทุกคนคงหนีไม่พ้นเรื่อง การทำความสะอาดผิวกาย ตั้งแต่หนังศรีษะจนถึงเท้า หรือ ทำความสะอาดที่พักต่างๆ ล้วนแต่ต้องใช้น้ำ ซึ่งน้ำมีความจำเป็นต่อชีวิตคนเรามาก เมื่อขาดน้ำเราทุกคนก็อยู่ไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นคนหรือสัตว์ เมื่อเรารู้อย่างนี้แล้วเรามาช่วยกันปยะหยัดน้ำกันเถอะ    Read more

การคิดค่าไฟฟ้าด้วยตนเอง

10 มิ.ย. 2554
การคิดค่าไฟฟ้าด้วยตนเอง

จากสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในปัจจุบัน ส่งผลทำให้หลายบ้านต้องสำรวจและควบคุมค่าใช้จ่าย ในการครองชีพของตัวเองไม่ว่าจะเป็น ค่าใช้จ่ายในการกินอยู่ ตลอดจนค่าใช้จ่าย ในด้านสาธารณูปโภค เช่น ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา ค่าน้ำมันรถ เพื่อให้เพียงพอกับเงินรายได้ที่ตนได้รับ     Read more

6 ไอเดียกว้างในบ้านแคบ

10 มิ.ย. 2554
6 ไอเดียกว้างในบ้านแคบ

สิ่งสำคัญในการจัดพื้นที่แคบคือพยายามสร้างความต่อเนื่องภายในพื้นที่ไว้ให้มากที่สุด ไม่ควรกั้นผนังทึบ เพราะจะยิ่งทำให้บ้านดูแคบลงไปอีก หากต้องการแบ่งพื้นที่ใช้งานภายในห้องควรกั้นผนังแบบโปร่ง    Read more

7 ข้อควรระวังก่อนคิดสร้างบ้าน

6 มิ.ย. 2554
7 ข้อควรระวังก่อนคิดสร้างบ้าน

ในการสร้างบ้านแต่ละครั้ง มีสิ่งที่คุณควรตรวจสอบให้แน่ใจ ก่อนจะเริ่มสร้างบ้านระวังของถูกอาจไม่ดี ของดีอาจไม่มีราคาแพงเสมอไป     Read more
Topics 221 - 225 of 226