|
1. ตรวจสอบผลงาน และคุณภาพ บริษัทรับสร้างบ้าน ที่มีความเชี่ยวชาญจะต้องมีประสบการณ์ในการทำงานไม่ต่ำกว่า 50 หลังมาแล้ว เพื่อความมั่นใจ คุณสามารถสุ่มตรวจเช็คประมาณ 3 หลัง เพื่อตรวจสอบคุณภาพว่าตรงกับความต้องการของคุณหรือไม่
2. วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการสร้างบ้าน บริษัทรับสร้างบ้านที่ดี ควรใช้วัสดุอุปกรณ์ที่มีมาตรฐาน มีการรับรองคุณภาพ และเป็นวัสดุที่สามารถใช้งานได้นาน คงทน เพื่อลดปัญหาในภายหลัง
3. การบริหารจัดการบุคลากรของบริษัท และอัตราส่วนคนงานต่อการก่อนสร้างที่ได้มาตรฐาน
4. จำนวนค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไปทั้งหมด ซึ่งในส่วนนี้จะเป็นปัจจัยสำคัญอันดับแรกที่ลูกค้าเลือกตัดสินใจ มีตั้งแต่ระดับสูง กลาง ไปจนถึงราคาต่ำ ควรเลือกพิจารณาถึงคุณภาพของบ้านที่จะได้หลังจากทำการก่อสร้างเสร็จ อย่ามองเพียงโปรโมชั่นที่ล่อตาล่อใจให้เราเสียเงินของบริษัทรับสร้างบ้าน ต้องตรวจเช็คให้ดีเสียก่อน
5. เอกสารสัญญาการรับสร้างบ้าน ของบริษัทนั้นจะต้องมีเนื้อความที่ไม่เอาเปรียบลูกค้า ควรเลือกบริษัทที่เก็บเงินภายหลังจากงานเสร็จสิ้น เพื่อเป็นการรับประกันว่า บริษัทจะไม่ทิ้งงานก่อนแล้วเสร็จ
6. แบบแปลนของบ้าน จะต้องมีความละเอียด ชัดเจน เพื่อป้องกันการเกิดความเข้าใจผิด ระหว่างการก่อสร้าง เพื่อให้ได้บ้านที่มีมาตรฐานตรงกับความต้องการของลูกค้า
7. มีตัวอย่างวัสดุ ในการสร้างบ้านให้ดูจริง เพื่อป้องกันการเปลี่ยนวัสดุระหว่างการก่อสร้าง หรือการใช้วัสดุที่ไม่มีคุณภาพ
8. นำเทคโนโลยีสำหรับการสร้างบ้านมาใช้งานเพื่อป้องกันความผิดพลาดของคนงาน เช่น เทคโนโลยี VISS ระบบตรวจสอบความปลอดภัย เป็นต้น
9. นำระบบการทำงานที่มีแบบแผนมาใช้งานในการสร้างบ้าน เช่น ระบบงาน Industrial Engineering (IE) ระบบงาน PPC ระบบงานบริหารควบคุมคุณภาพ TQM หรือ ระบบงาน ERP เป็นต้น
10. ความประทับใจในบริษัทรับสร้างบ้าน ที่สามารถอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าได้มากน้อยเพียงใด
|