|
1. ไม่ขวนขวายหาความรู้เพื่อพัฒนาอาชีพของตน
ช่างรับสร้างบ้านบางคน อาจทำหน้าที่โดยขาดความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตนเอง และอาจมีทัศนคติในอาชีพช่างว่า เป็นอาชีพที่ลำบาก เหน็ดเหนื่อย รวมทั้งสังคมเองก็มองว่า เป็นอาชีพที่ต้องทำงานหลังขดหลังแข็งกว่าจะได้เงิน ทำให้ไม่เกิดความภาคภูมิใจในอาชีพของตนเอง จึงทำให้ความอดทนในการทำงานลดน้อยลง ขาดความเอาใจใส่ และทำงานอย่างไม่มีความสุข เพราะฉะนั้นการก่อสร้างอาจจะออกมาได้ไม่ประทับใจผู้จ้างงาน
2. ขาดการเข้าฝึกอบรมในวิชาชีพการสร้างบ้าน
การอบรมในอาชีพนี้ ยังมีอยู่น้อยมากในปัจจุบัน จึงทำให้ช่างมีความรู้ในวิทยาการสมัยใหม่น้อยลง ขาดการพัฒนาทักษะและมุมมองในการก่อสร้างที่ดี อาศัยเพียงประสบการณ์ และการเล่าต่อกันฟัง ซึ่งทำให้ระบบฝีมือแรงงานไม่ยั่งยืน ขาดความต่อเนื่อง ซึ่งการอบรมควรประกอบด้วยเนื้อหา เช่น จรรยาบรรณที่ดีสำหรับช่าง เทคโนโลยีการก่อสร้างที่ทันสมัย การใช้เครื่องมือต่างๆ หรือการใช้วัสดุอุปกรณ์ที่ถูกต้อง ขั้นตอนการทำงานอย่างเป็นระบบวินัย เป็นต้น
3. ขาดจรรยาบรรณในวิชาชีพ
ปัญหาการทิ้งงานของผู้รับเหมาหรือช่าง เกิดจากการขาดความรับผิดชอบ หรือเกิดจากความขัดแย้งกันภายในโครงการก่อสร้าง ซึ่งปัญหาเหล่านี้ล้วนแต่เป็นปัญหาอันเกิดจากขาดจรรยาบรรณในวิชาชีพทั้งสิ้น การทำงานที่ใช้อารมณ์ ไม่ได้ใช้การจัดการที่ดี ย่อมนำมาซึ่งปัญหาอื่นๆ เช่น การสร้างบ้านไม่แล้วเสร็จตามกำหนดของลูกค้า หรือการฟ้องร้องอันเกิดจากข้อขัดแย้งภายในโครงการ ซึ่งจะส่งผลต่อคุณภาพของบ้านได้
4. เปลี่ยนอาชีพ
ปัญหาที่หนักหน่วงอีกประการหนึ่งคือ ทุกวันนี้หาช่างที่มีฝีมือยากขึ้นทุกที เพราะทุกคนต่างมุ่งหวังอยากทำงานที่ดี งานที่สบาย หรือไม่ต้องถูกดูแคลนจากคนบางกลุ่ม เช่น ลูกค้า นายจ้าง หรือผู้ประกอบการ จนทำให้ไม่อยากทำอาชีพช่างอีกต่อไป โดยเปลี่ยนไปประกอบอาชีพอื่น อีกทั้งปัจจุบันมีระบบการเงินที่สนับสนุนให้คนกู้หนี้มาลงทุนประกอบอาชีพใหม่ เป็นการฝึกให้คนหาเงินด้วยวิธีลัด มากกว่าการเสริมสร้างความรู้
|