|
เครื่องดูดฝุ่นจะใช้อย่างไรดี
เครื่องดูดฝุ่นในปัจจุบันมีการพัฒนาเรื่องรูปทรงให้สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกคล่องแคล่ว เรื่องแรกที่เขาคำนึงก็คือเรื่องของน้ำหนัก ซึ่งไม่ว่ายี่ห้อไหนก็ตามจะต้องมีน้ำหนักเบาหิ้วได้สะดวก ในตัวเครื่องมีส่วนสำคัญก็คือตัวมอเตอร์ ซึ่งจะหมุนวนทำให้เกิดแรงดูดขึ้นมา ยิ่งอัตราการหมุนของรอบสูงเท่าไรแรงดูดก็มีมากเท่านั้น ที่เห็น ๆ ก็มี 4,000-5,000 รอบต่อนาที แต่อย่างดี ๆ ก็มีถึง 18,000 รอบต่อนาที อันนี้เรื่องแรงดูดคงหายห่าง แบบเก่าที่เรา ๆ เคยเห็นกันจะเห็นว่ามีหัวสำหรับดูดงานแต่ละประเภทมาต่อเข้ากับสายท่อ ซึ่งต่อไปยังมอเตอร์อีกที อย่างนี้จะทำให้แรงดูดของมอเตอร์เสียกำลังไปบ้าง เพราะกว่าจะมาถึงบริเวณที่ต้องการทำความสะอาดก็ต้องผ่านตามท่อซึ่งมีความยาว แรงดูดต้องเสียไปแน่ ๆ พวกนี้จึงดูดได้ไม่ค่อยสะอาดนักสำหรับงานตามพื้นห้อง
แต่ที่เห็นออกมาใหม่บางยี่ห้อเขาจะให้ตัวมอเตอร์อยู่ด้านหน้าเป็นชิ้นเดียวกับหัวดูดเลย ทำให้เรื่องกำลังการดูดนี้ไม่เสียไป การทำความสะอาดจึงทำได้ดีกว่า เมื่อผ่านจากตัวมอเตอร์ก็จะเป็นถุงเก็บฝุ่น ถุงนี้ก็สำคัญเพราะต้องสามารถเก็บไม่ให้ฝุ่นฟุ้งกระจายเล็ดลอดออกมาได้ อย่างฝุ่นเล็ก ๆ หรือเจ้าตัวละอองฝุ่นนี่หนีเก่งนัก เมื่อเขารู้ถึงปัญหาก็มีการทำถุงเก็บฝุ่นโดยใช้หลักพื้นฐานของไฟฟ้าสถิต ทำให้เส้นใยของถุงกรองซึ่งอยู่เป็นชั้น ๆ ภายในถุงเก็บฝุ่นมีประจุไฟฟ้าสถิตสามารถหยุดยั้งการเล็ดลอดของสิ่งสกปรกต่าง ๆ ได้ แม้ฝุ่นซึ่งมีขนาดเล็ก 3 ไมครอน
อีกเรื่องหนึ่งที่ผู้ซื้อมักจะมองข้ามไปหรืออาจจะนึกไม่ถึงเพราะยังไม่เคยใช้เครื่องดูดฝุ่น นั่นก็คือเรื่องของสวิทช์เปิดปิด ควรเลิกที่ตำแหน่งสวิทช์อยู่ใกล้มือในขณะที่เราทำงาน อาจจะอยู่ตรงคันจับ หรืออย่างที่มอเตอร์อยู่ด้านหน้าเครื่องเราก็เพียงก้มตัวลงไปกดก็ไม่ยุ่งยากอะไร แต่เคยใช้บางยี่ห้อที่มีสายท่อลากยาวจากตัวเครื่อง พอทำ ๆความสะอาดไปเกิดต้องการปิดเครื่องก็ต้องเดินย้อนไปปิด ทำให้รู้สึกไม่คล่องตัวยามทำงาน พาลจะหงุดหงิดเอาง่าย ๆ แต่บางยี่ห้อที่เขาเป็นลักษณะนี้เขาก็แก้ปัญหาโดยให้ใช้เท้าเหยียบปิดเปิดสวิทช์ซะเลย อันนี้เคยใช้ พอจะเปิดหรือปิดทีก็หันไปแล้วใช้เท่าเหยียบสวิทช์บนตัวเครื่อง ตัวสวิทช์เขาก็ออกแบบให้มีพื้นที่กว้างพอสำหรับปลายเท้าเหยียบ อันนี้เขียนไปอาจคิดว่าไม่สุภาพแต่ก็เป็นความจริง เพราะผู้จำหน่ายเขายืนยันมาให้ใช้เท้า
แล้วก็มาเรื่องของสายไฟ แน่นอนว่าการทำงานของเครื่องดูดฝุ่น ตัวเครื่องจะไม่ติดตายอยู่กับที่ก็ต้องลากไปลากมา ดังนั้นสายไฟที่ต่อกับปลั๊กก็ต้องยาวหลายเมตรเชียวละ ตอนดึงออกจากตัวเครื่องก็ไม่ยุ่งยากอะไร แต่พอตอนจะเก็บนี่ซิต้องมาปวดหัว ถ้าเลือกอย่างที่มีปุ่มเก็บสายพอกดแล้วสายไฟก็จะม้วนเข้าไปเองนี่ก็ดีหน่อย
ส่วนระยะเวลาการใช้งานต่อการดูดฝุ่นครั้งหนึ่ง ๆ มักจะเป็นสิบชั่วโมงขึ้นไป นี่หมายถึงกำลังของเครื่องที่จะรับได้นะ แต่ทำกันจริง ๆ ก็คงไม่ถึง คนคงจะเหนื่อยก่อนมอเตอร์ของเครื่องจะร้อนเป็นแน่ เรียกว่าหายห่วงเรื่องระยะเวลาในการใช้เครื่องดูดฝุ่น เพราะมอเตอร์เขาออกแบบมาให้มีระบบถ่ายเทความร้อน บางยี่ห้อเขารับได้ถึง 600 ชั่วโมง แต่ก็อยากบอกว่าถ้าต้องการประหยัดกระแสไฟฟ้าก็อย่าปิด ๆ เปิด ๆเครื่องบ่อยครั้งนัก เพราะการเริ่มสตาร์ทมอเตอร์จะกินไฟมาก
การดูดฝุ่นมีข้อควรระวังคืออย่าใช้ดูดวัตถุที่มีขนาดใหญ่ เช่น ก้อนหิน ก้อนกรวดหรือเหรียญเงิน แม้แต่แผ่นกระดาษที่มีความแข็ง เพราะจะทำให้แรงดูดเกิดสูญญากาศขึ้น เนื่องจากของพวกนี้ไปอุดตามท่อ หรือถ้าเป็นของมีคมก็จะครูดหรือทำให้มอเตอร์เสียได้ เครื่องเขาออกแบบมาให้ดูดฝุ่นละอองหรืออย่างมากก็แค่เม็ดทราย อย่าใช้ผิดประเภทจะเป็นการทอนอายุการทำงานให้สั้นลง เรื่องกำลังของการดูดนี่ในตัวเครื่องเขาจะมีที่ปรับให้สำหรับงานบางอย่าง เช่น การทำความสะอาดผ้าบุที่เป็นกำมะหยี่ ก็ควรใช้กำลังเครื่องไม่แรงนัก
อีกอย่างที่ควรจะดู คือวัสดุที่จะนำมาทำตัวเครื่องว่ามีความแข็งแรงทนทานเพียงใด เพราะเนื้อพลาสติกที่มาทำก็มีหลายเกรด อาจจะเปราะแตกหักเสียหายก็ควรเลือกที่แข็งแรงมั่นคงหน่อย น้ำหนักของเครื่องก็เหมือนกันส่วนมากก็ราว ๆ สามกิโลกว่า ๆ ก็ขึ้นอยู่กับแบบอีกเหมือนกัน บางแบบเขาก็มีสายให้หิ้วติดตัว บางแบบก็มีสายยาวลากไปไหนมาไหนได้ ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะสะดวกใช้แบบไหน
สุดท้ายเห็นจะเป็นเรื่องปริมาณของฝุ่นในถุงเก็บ ส่วนใหญ่ถุงเก็บฝุ่นมักเป็นแบบทิ้งไปกับฝุ่นข้างในเลย แต่บางยี่ห้อซึ่งเป็นแบบเก่าเขาจะให้นำฝุ่นในถุงไปเททิ้งแล้วนำถุงกลับมาใช้อีก แบบนี้เหมือนกับการกระจายฝุ่นหรือการย้ายฝุ่น เพราะตอนเทต้องมีการตบการเขย่า ถุงฝุ่นก็จะฟุ้งอีก ยังไงก็ควรใช้แบบทิ้งไปเลยดีกว่า ปริมาณฝุ่นในถุงจะมีขีดบอกบนตัวเครื่อง ไม่จำเป็นต้องให้ฝุ่นแน่นเอี๊ยดเต็มถุงหรอก สักเศษสามส่วนสี่ของถุงก็ควรจะทิ้งได้แล้ว
คราวนี้ก็มาถึงเรื่องหัวดูดประเภทต่าง ๆ ซึ่งแยกตามหน้าที่ ปกติถ้าท่านซื้อเครื่องดูดฝุ่นเขาก็จะอธิบายให้ว่า หัวดูดฝุ่นประเภทไหนใช้อย่างไร แต่ที่จะเขียนถึงนี่ก็ให้เป็นตัวอย่างพอสังเขป จะได้ทำความรู้จักกันไว้ก่อน
หัวดูดฝุ่นประเภทต่าง ๆ
อย่างแรกคงเป็นพื้นไม้ หัวดูดฝุ่นสำหรับพื้นไม้ก็มีหน้าตาคล้าย ๆรูปตัวที ไม่ว่าจะยี่ห้อไหนก็ตามเวลาใช้ก็สวมเข้ากับตัวเครื่องอีกที(ตัวมอเตอร์) ภายในหัวดูดอันนี้จะมีแปรงเส้นใยสังเคราะห์เรียงโดยรอบทำหน้าที่คล้ายไม้กวาด เครื่องก็จะดูดฝุ่นเข้าไปโดยที่แปรงนี้ทำหน้าที่รวบรวมผงฝุ่น
หัวสำหรับดูดพื้นพรม หรือตามฟูกที่นอน ก็มีรูปร่างคล้ายตัวทีเช่นกัน แต่ภายในจะมีเส้นแปรงสำหรับปั่นสางเส้นพรม เพราะสิ่งสกปรกมันจะแทรกตัวอยู่ตามเส้นพรม การสางจะทำให้ทำความสะอาดทั่วถึง เพราะฝุ่นจะเป็นตัวลดอายุการใช้งานของพรม
หัวรูปแปรงบานเกล็ด(คล้ายรูปตัวยู) หัวรูปปากแหลม หัวดูดทั้งสองแบบนี้ใช้ทำความสะอาดตามซอกเล็กซอกน้อย การใช้ก็นำไปสวมเข้าท่อซึ่งต่อมาจากมอเตอร์ท่อนี้จะมีความยาวประมาณเมตรครึ่งถึงสองเมตร
นอกจากนี้ยังมีหัวดูดฝุ่นอีกหลากแบบแตกต่างกันไปแล้วแต่ยี่ห้อ แต่ที่เป็นมาตรฐานก็เห็นจะเป็นหัวดูดฝุ่นที่เขียนถึงไปแล้ว
|