/home/homedecor/domains/www1.homedecorthai.com/public_html/templates/default/ext/ui/article_detail.tpl.php ศิลปะกับการตกแต่งบ้าน
 
 
    
   
     
     
   
 

ศิลปะกับการตกแต่งบ้าน

13 ก.ค. 2554

 

ศิลปะกับการตกแต่งบ้าน

ทว่าก็มีอีกหลายคนมองว่างานศิลปะเป็นเรื่องเข้าใจยาก คอลัมน์ “ดีไซน์ไอเดีย” ฉบับนี้ จึงมีคำแนะนำเกี่ยวกับการใช้งานศิลปะประดับบ้านที่เข้าใจได้ง่ายมาฝากกันค่ะ

 

สมดุล = สวยงาม
คุณผู้อ่านที่เคยติดภาพบนผนังเคยสงสัยกันไหมว่าทำไมเราวางแบบนี้แล้วภาพดูเอียงไปข้าง หรือแขวนแบบนั้นแล้วดูรกตาจัง สาเหตุเป็นเพราะเกิดความไม่สมดุลกันนั่นเอง ดังนั้นในการจัดวางภาพให้ออกมาสวยงาม สิ่งที่เราต้องนึกถึงก็คือ “ความสมดุล” ซึ่งแบ่งได้ 2 ประเภท


 

1. สมมาตร เป็นการจัดวางแบบเท่ากันทั้งซ้ายและขวาหรือบนและล่างให้ดูกลมกลืน เห็นได้บ่อยจากการจัดวางแบบซ้ำๆ จนเกิดความสวยงาม

2. ไม่สมมาตร เป็นการจัดวางแบบคละกันให้กลมกลืน แต่ให้ความรู้สึกสมดุลจากรูปทรงและสีสันที่แตกต่างกัน เมื่อมองโดยรวมแล้ว ก็ดูสวยงามลงตัว)

ผนังศิลปะ
สิ่งหนึ่งที่ช่วยสร้างความน่าสนใจให้ผนังเรียบเกลี้ยงได้ดีก็คือ การประดับงานศิลปะ ไม่ว่าจะเป็นภาพวาดหรือภาพถ่าย ซึ่งมักอยู่ในกรอบรูปหรือไม่ก็เฟรมผ้าใบ การจัดวางให้ดูสวยงามและเป็นจุดเด่นต้องคำนึงถึงขนาด สีสัน แสงสว่าง และระดับในการมอง ตัวอย่างเหล่านี้จะเป็นไอเดียให้คุณนำงานศิลปะมาตกแต่งผนังบ้านได้อย่างน่ามองมากขึ้น ลองดูกันค่ะ 

1. โชว์เดี่ยว
บ้านใครที่มีผนังผืนใหญ่โล่งๆ ลองมองหางานศิลปะโชว์ทีแปรงมาประดับผนัง จะช่วยให้เกิดจุดนำสายตา ควรเลือกขนาดของชิ้นงานให้สัมพันธ์กับขนาดของผนังและระยะการมองภาพโดยรอบ และงานนั้นควรมีโทนสีเดียวกับเฟอร์นิเจอร์หรือส่วนตกแต่งบริเวณนั้นๆด้วย เพื่อสร้างความรู้สึกกลมกลืน สำหรับการติดตั้งชิ้นงานควรให้อยู่ในระดับสายตา เช่น ส่วนทางเดินหรือบริเวณที่ยืนมอง ควรติดในระดับความสูงที่วัดจากพื้นถึงกึ่งกลางของภาพประมาณ 1.50 เมตร และส่วนที่นั่งมองควรติดในระดับวัดจากพื้นถึงกึ่งกลางของภาพประมาณ 1.20 เมตร

2. ระยะเท่ากัน
เจ้าของบ้านบางท่านนิยมสะสมผลงานศิลปะเป็นชุด หากเป็นงานชิ้นเล็กๆขอแนะนำให้ติดเป็นชุดไปเลย จะดูสวยกว่าติดแบบเดี่ยว โดยการแขวนติดนั้นควรเว้นระยะห่างให้เท่ากัน จะเรียงกันตามแนวนอน แนวตั้ง หรือเรียงสองแถวก็ได้ตามใจชอบ แต่ควรให้เหมาะสมกับสัดส่วนและขนาดของผนัง และไม่ควรติดจนเต็มสุดขอบผนัง เพราะอาจดูเลอะเทอะเกินไป การติดงานศิลปะแบบนี้เหมาะกับผนังผืนยาวๆที่มีพื้นที่ไม่สมมาตร เช่น ผนังข้างบันไดซึ่งมีลักษณะเป็นสามเหลี่ยม หรือโถงทางเดินที่มักมีบานประตูคั่นเป็นจังหวะไม่แน่นอน การจัดวางแบบนี้จะช่วยให้ผนังด้านนั้นๆดูสวยลงตัวยิ่งขึ้น 

3. คละกัน
หากชอบงานศิลปะหลากหลายเทคนิค จะนำมาติดในพื้นที่เดียวกันก็ได้ เพียงแต่เลือกชิ้นที่มีสีและขนาดใกล้เคียงกัน สำหรับการนำมาจัดให้เป็นกลุ่มก้อนดูสมดุลก็ควรติดแบบเว้นระยะห่างให้เท่ากัน วิธีนี้อาจไม่ค่อยเหมาะกับผนังเล็กๆ เพราะจะทำให้รู้สึกอึดอัดและรกสายตา แต่หากกะจังหวะได้อย่างลงตัวแล้วละก็ จะสร้างความตื่นตาให้ผนังเกลี้ยงๆที่ไม่มีจุดสนใจได้ดีเชียวละ อย่างเช่นผนังทางขึ้นบันได

4. สามเหลี่ยมบนผนัง
การวางภาพเป็นรูปสามเหลี่ยมแบบสมมาตรเป็นหลักการจัดวางแบบง่ายๆ โดยให้ส่วนล่างกว้างกว่าส่วนบน ควรเลือกงานศิลปะที่มีโทนสีและขนาดใกล้เคียงกัน เริ่มติดจากด้านล่างขึ้นด้านบน (อาจใช้กระดาษแปะลองดูตำแหน่งก่อนก็ได้) สำหรับงานศิลปะชิ้นเล็กๆควรติดในระดับสายตา เพื่อให้มองเห็นได้ชัดเจนขึ้น หากฝ้าเพดานสูงมากๆ ควรติดไฟดาวน์ไลต์ส่องตรงกลางภาพอย่างน้อยหนึ่งดวง จะช่วยให้ภาพดูมีมิติขึ้น นอกจากนี้รูปสามเหลี่ยมแบบสมมาตรยังแสดงถึงความมั่นคงน่าเชื่อถือ เราอาจนำการจัดวางแบบนี้ไปใช้กับผนังในห้องพระหรือห้องบรรพบุรุษก็ได้ ซึ่งก็จะช่วยให้ผนังห้องดูสูงขึ้นด้วย

5. สามเหลี่ยมบนตู้
หลักการนี้เหมาะกับการจัดวางงานศิลปะบนผนังเหนือตู้เตี้ย แต่ควรเลือกภาพและของตกแต่งที่มีขนาดไม่แตกต่างกันมากนัก โดยเลือกชิ้นที่มีขนาดใหญ่สุดวางไว้ตรงกลาง แล้วค่อยๆวางชิ้นเล็กลดหลั่นกันไปตามลำดับ อาจวางซ้อนกันบ้าง เอียงบ้าง โดยไม่ต้องเป็นระเบียบเรียบร้อยมากนัก ก็จะได้การจัดวางงานศิลปะที่ดูผสมกลมกลืนเป็นธรรมชาติและไม่น่าเบื่อ

ไม่ควรวางภาพวาดไม่ว่าจะเป็นเทคนิคสีน้ำมัน สีอะคริลิก หรือสีน้ำ ไว้ในตำแหน่งที่โดนแสงธรรมชาติส่องถึงโดยตรง เพราะแสงยูวีจะทำให้งานศิลปะเสียหาย ควรออกแบบให้แสงเข้าทางด้านข้างหรือสกายไลต์ด้านบนจะดีกว่า

ศิลปะสามมิติ
งานประติมากรรมลอยตัว ไม่ว่าจะเป็นงานปั้น งานหล่อ งานแกะสลัก หรือวัตถุที่เราสามารถมองเห็นได้รอบด้าน สามารถจัดวางได้ทั้งภายในและภายนอกอาคาร โดยพิจารณาจากวัสดุที่ใช้ผลิตเป็นสำคัญว่ามีสภาพแกร่งและทนแดดทนฝนหรือไม่ งานประติมากรรมสวยๆเพียงชิ้นเดียวก็สามารถช่วยแก้ปัญหาพื้นที่ใหญ่ๆโล่งๆในบ้านได้เป็นอย่างดีแล้ว รวมถึงเป็นจุดนำสายตาที่สร้างมิติได้ดีกว่างานศิลปะประเภทสองมิติ แต่เราต้องตระเตรียมพื้นที่สำหรับจัดวางมากขึ้นเช่นกัน เพื่อให้งานชิ้นนั้นดูโดดเด่นมีคุณค่าน่าประทับใจ 

งานศิลปะชิ้นเล็ก
เหมาะกับพื้นที่จำกัด เพราะสามารถวางไว้ใกล้ๆสายตาได้โดยไม่ต้องเผื่อระยะการมองมากนัก เช่น บนหลังตู้เตี้ย บนแท่นริมโถงทางเดินยาว หรือในตู้โชว์บิลท์อิน งานศิลปะที่สามารถโชว์ได้รอบ 360 องศา เหมาะกับการจัดวางกลางห้องให้สามารถเดินดูได้โดยรอบ อาจมีการหมุนหาเหลี่ยมมุมเพื่อความเหมาะสมกับพื้นที่ เพื่อให้งานชิ้นนั้นดึงดูดสายตาสู่ห้องนั้นได้ทุกมุมมอง หรือชิ้นที่มีมุมมองสวยสุดเพียงด้านเดียว( เช่น ประติมากรรมรูปคน) เหมาะกับการวางชิดผนังมุมห้อง หรือสุดปลายทางเดิน เพราะฉากหลังจะช่วยขับให้งานศิลปะดูโดดเด่นขึ้น แถมยังช่วยให้ผนังหรือมุมห้องที่ดูทึบตันน่าสนใจยิ่งขึ้น หรือวางเรียงเป็นแนวในส่วนโถงทางเดินยาวๆในบ้านให้เกิดความต่อเนื่อง ก็ทำให้บรรยากาศดูน่าเดินขึ้นด้วย แต่ควรเผื่อระยะการมองและระยะทางเดินให้กว้างขึ้นอีก 60-80 เซนติเมตร (แล้วแต่ขนาดของชิ้นงาน)
ฉากหลังและแสงไฟเป็นตัวช่วยให้งานศิลปะชิ้นนั้นดูเด่นสะดุดตาขึ้นได้ เช่น งานศิลปะสีเข้ม ผนังด้านหลังควรจะเป็นสีอ่อน งานศิลปะที่มองได้รอบด้านอาจติดไฟเพิ่มเป็น 2 จุด (หน้าหลัง) หรือ 4 จุด สำหรับงานที่ต้องการให้เดินดูโดยรอบ ส่วนงานที่เน้นความสวยงามของรูปทรง สามารถเล่นเทคนิคแสงเงาให้ย้อนแสง โดยการวางไว้ชิดริมหน้าต่าง เพื่อให้เห็นรูปทรงได้สวยงามชัดเจนขึ้น 

งานศิลปะชิ้นใหญ่
การติดตั้งควรคำนึงถึงพื้นที่โดยรอบและมุมมองในการมองเห็นเป็นสำคัญ งานชิ้นใหญ่ที่ทึบตันอาจทำให้ภายในบ้านดูอึดอัดและเล็กลงไปถนัดตา ลองมองหางานศิลปะที่ชิ้นเล็กลงกว่าที่ตั้งใจไว้สักหน่อย หรือเลือกงานที่มีรูปทรงโปร่งๆแทน โดยจะวางไว้กับพื้นหรือแขวนจากฝ้าเพดานลงมา ก็จะช่วยลดขนาดของพื้นที่ฝ้าสูงๆให้ดูสบายตาขึ้น งานชิ้นใหญ่ๆและทึบตันเหมาะกับการจัดวางไว้ที่ลานนอกบ้าน หรือบ่อน้ำโล่งๆ เพื่อสร้างเรื่องราว ซึ่งบางชิ้นอาจต้องมีการคำนวณฐานรากเพื่อรับน้ำหนักของชิ้นงานด้วย ควรออกแบบจุดส่องไฟ 2 – 4 จุด เพื่อให้ชิ้นงานเป็นจุดนำสายตาของพื้นที่นอกบ้านของเราได้ทั้งตอนกลางวันและกลางคืน

แสงสว่างกับงานศิลปะ
- พื้นที่เล็กเหมาะกับการใช้หลอดไฟประเภทแฮโลเจนซึ่งมีองศาแคบๆ (10-30 องศา ขึ้นอยู่กับความมสูงของฝ้าเพดาน) ส่วนพื้นที่กว้างๆอย่างพื้นที่นอกบ้าน อาจเลือกใช้หลอดไฟประเภท PAR ซึ่งให้แสงสว่างมากกว่า และยังเหมาะกับการส่องสว่างให้งานศิลปะชิ้นใหญ่ๆดูโดดเด่นขึ้นด้วย
- งานศิลปะที่มีคุณค่าสูงหรือต้องการการดูแลเป็นพิเศษ ควรใช้หลอดไฟแอลอีดี เพราะให้แสงสว่างสูง แต่ให้ความร้อนต่ำ (ควรเตรียมพื้นที่สำหรับหม้อแปลงไฟด้วย)
- งานศิลปะชิ้นใหญ่ๆควรเลือกโคมไฟที่มีการปรับองศาได้ เพื่อปรับให้แสงสว่างส่องตรงกลางภาพ โดยติดในตำแหน่งกึ่งกลาง ห่างจากผนังประมาณ 60 เซนติเมตร
- ควรมีกำลังวัตต์เป็นสองเท่าของแสงสว่างโดยรอบ เพื่อสร้างความโดดเด่นให้ชิ้นงาน เช่น บริเวณทางเดินใช้ไฟ 15 วัตต์ ภาพที่ติดบริเวณนี้ควรใช้ไฟ 35 วัตต์ 

 

 


แหล่งที่มา : webcache.googleusercontent.com
จำนวนคนอ่าน : 38519 คน

บทความที่ใกล้เคียงกัน :

 

รับทำงานไม้ รับทำระเบียงไม้ รับทำงานไม้ระแนง

โชว์ไอเดียแต่งห้องทำงานสวย

23 พ.ย. 2554
โชว์ไอเดียแต่งห้องทำงานสวย

มาดูไอเดียเก๋ๆ แต่งห้องต่างๆให้เป็นมุมทำงานเล็กๆ ของคุณได้สวย โดดเด่นมากเลยทีเดียวค่ะ    Read more

ไอเดียจัดโต๊ะอาหารสุดเก๋

23 พ.ย. 2554
ไอเดียจัดโต๊ะอาหารสุดเก๋

วันนี้เรามีไอเดียในการจัดแต่งโต๊ะอาหารมาฝากกันค่ะ การเปลี่ยนแปลงสิ่งเล็กน้อยๆบนโต๊ะอาหารก็จะทำให้เรารู้สึกดีขึ้นได้ เรามาดูกันเลยดีกว่าค่ะ    Read more

ใช้พื้นที่ใต้เตียงให้เป็นประโยชน์

18 พ.ย. 2554
ใช้พื้นที่ใต้เตียงให้เป็นประโยชน์

พื้นที่ใต้เตียงจะมีบริเวณที่กว้างมากค่ะ และมักจะเป็นที่ที่ถูกมองข้ามเสมอ ทำให้เสียพื้นที่โดยเปล่าประโยชน์ เราสามารถออกแบบให้พื้นที่ใต้เตียงได้ใช้ประโยชน์มากยิ่งขึ้นได้ ด้วยการทำเป็นลิ้นชักเก็บของ หรือใช้ว่างตระกร้าของใช้ เสื้อผ้า หรือแม้แต่ใช้เก็บสิ่งของสำคัญได้อีกด้วย     Read more

9 ไอเดียเจ๋ง!!สระว่ายน้ำในร่ม

18 พ.ย. 2554
9 ไอเดียเจ๋ง!!สระว่ายน้ำในร่ม

9 ไอเดียเจ๋ง!! สระว่ายน้ำในร่มสุดหรู ถือว่าเอาไว้ดูเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสระว่ายน้ำสำหรับใครหลายๆคนที่กำลังคิดจะสร้างอยู่ตอนนี้นะคะ    Read more

เปลี่ยนโรงรถให้กลายเป็นบ้านที่พักอาศัยอย่างทันสมัย

18 พ.ย. 2554
เปลี่ยนโรงรถให้กลายเป็นบ้านที่พักอาศัยอย่างทันสมัย

นี่เป็นบ้านที่พักอาศัยซึ่งเขาได้ปรับปรุงโรงรถขนาด 320 ตารางฟุตให้กลายเป็นบ้านที่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่อพาร์ทเมนท์ ภายในบ้านมีการออกแบบตกแต่งที่ทันสมัย     Read more
Topics 291 - 295 of 439