|
8. ใช้อะไรเจาะผนัง (S)
ดูเหมือนเป็นคำถามง่ายๆแต่ผมเชื่อว่าหลายคนไม่ทราบ อุปกรณ์ในการเจาะทำร่องเพื่อให้ท่อร้อยสายไฟสามารถฝังตัวลงไปได้ เรียกว่า “เครื่องเจียร” ขนาดต่างๆ หรือที่ช่างเรียกว่า “ลูกหมู” เป็นอุปกรณ์เดียวกับที่เราใช้ขัดผนังเพื่อลอกสีเก่าออก หรือขัดงานไม้เพื่อความมันเงา เราสามารถเลือกใบเจียรเป็นแบบอื่นๆได้ตามแต่ลักษณะของงาน
9. ซ่อนแล้วป้องกันด้วย (S)
ที่จริงแล้วผนังเกือบทุกประเภทสามารถซ่อนงานระบบได้ ไม่ว่าจะเป็นผนังก่ออิฐฉาบปูนเรียบทาสี ผนังบุวอลล์เปเปอร์ ผนังกรุหินหรือกระเบื้อง หรือแม้แต่กรุไม้ทับ แต่เมื่อเราใช้งานจริง ท่อที่อยู่ภายในผนังอาจมีการสั่นสะเทือนเนื่องจากแรงดันของน้ำ เราจึงควรป้องกันด้วยการปูตะแกรงลวดกรงไก่ทับลงไปก่อนที่จะฉาบปิดผิว เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้รอยต่อและป้องกันการแตกลายงาของผิวปูนฉาบ
10. ทดสอบ ก่อนฉาบปิด
ไม่ว่าจะเป็นงานท่อร้อยสายไฟ ท่อน้ำเสีย หรือท่อน้ำประปา เมื่อวางระบบฝังเข้าไปในผนังเรียบร้อยแล้ว ต้องทดสอบระบบก่อนการฉาบปิดหรือบุวัสดุปิดผิว หากเป็นระบบไฟฟ้าต้องทดสอบการใช้งานว่าเป็นปกติและมีกระแสไฟรั่วหรือไม่ ส่วนงานประปาต้องขังน้ำให้อยู่ภายในท่อเพื่อทดสอบการรั่วซึมนานประมาณหนึ่งวัน
11. ซ่อนไว้ แต่ซ่อมสะดวก
แม้ว่าเราจะซ่อนงานเหล่านี้อยู่ในผนังหรือบนฝ้าเพดาน ก็ต้องเว้นช่องให้สามารถเปิด-ปิดได้เพื่อการซ่อมบำรุง เช่น งานระบบที่อยู่บนฝ้าเพดานต้องทำช่องเปิด – ปิดที่สามารถปีนขึ้นไปเพื่อตรวจและซ่อมแซมงานระบบที่อยู่บนฝ้าได้ โดยตำแหน่งของช่องเปิดนั้นอาจพิจารณาให้อยู่ในที่ลับตาคนสักหน่อย เช่น ห้องน้ำ หรือห้องเก็บของ
12. ท่อน้ำทิ้งบนฝ้า ต้องดูความลาดเอียง (S)
การเดินท่อน้ำทิ้งนั้นต่างจากท่อน้ำดี เพราะต้องการเรื่องของแรงโน้มถ่วงและความลาดเอียดของท่อซึ่งต่างจากท่อน้ำดีที่ใช้แรงดันจากปั๊มน้ำโดยตรง ฉะนั้นควรคิดถึงระยะที่ท่อน้ำทิ้งจะต่อเข้ากับสุขภัณฑ์ต่างๆให้ดีก่อน ว่ามีระยะห่างจากตำแหน่งรวบท่อเพียงใด ยิ่งไกลมากความลาดเอียงก็จะยิ่งมาก ก็แปลว่าต้องใช้พื้นที่ใต้ฝ้าสำหรับซ่อนท่อมาก จนห้องเราอาจมีฝ้าเตี้ยไม่สมส่วน โดยเฉพาะบ้านพักอาศัยนั้นไม่นิยมเจาะคานเพื่อเว้นไว้ให้เดินท่อน้ำทิ้ง แต่จะใช้การเดินลอดใต้คานแทน

|