/home/homedecor/domains/www1.homedecorthai.com/public_html/templates/default/ext/ui/article_detail.tpl.php เฟอร์นิเจอร์กับศิลปะโรโคโค
 
 
    
   
     
     
   
 

เฟอร์นิเจอร์กับศิลปะโรโคโค

23 มิ.ย. 2554

 

เฟอร์นิเจอร์กับศิลปะโรโคโค

เมื่อพูดถึงในงานออกแบบตกแต่งภายในบ้านเรา มีอยู่สไตล์หนึ่งซึ่งแม้กระทั่งนักออกแบบหรือมัณฑนากรแทบไม่ค่อยรู้จัก  หรือมักนำมาใช้ในงานออกแบบตกแต่งภายในบ้านเรา    และเท่าที่ทราบก็ยังไม่ค่อยมีท่านใดนำมาประยุกต์ใช้ อาจเนื่องด้วยรายละเอียดของงานและการประดิดประดอยทำได้ค่อนข้างยาก   ต้องอาศัยช่างปั้นบัวที่เก่งฉกาจมากจึงจะออกมาได้สวยงาม สไตล์ที่กล่าวถึงนี้มีชื่อเรียกว่า โรโคโค ที่อยู่ในช่วงราวพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 และเทียบเคียงได้กับสมัยอยุธยาเลยทีเดียว  นับเป็นยุคทองของฝรั่งเศสและอีกหลายประเทศในแถบยุโรปหันมาตกแต่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งในพระราชวัง ปราสาท และคฤหาสน์ต่างๆ    เราลองมาทำความรู้จักคุ้นเคยกับสไตล์ที่ว่ากันสักเล็กน้อยด้วยการย่อยข้อมูลและประวัติความเป็นมา  ลักษณะเครื่องเรือนและการตกแต่ง ซึ่งเชื่อว่าอาจมีใครสนใจและนำมาประยุกต์ใช้ในบ้านของท่าน

ศิลปะโรโกโก ROCOCO 
ประวัติทั่วไป ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 18 ของยุโรป

กล่าวคือ คำว่า  “Rococo”  นี้มาจากคำว่า  “Rocille” (Shell Shape) ซึ่งเป็นลายแม่บท (Motif) ที่นิยมกันมากในการตกแต่งประดับประดาของบาโรค และเมื่อคำว่า “Rocaille” นี้มาผสมกับคำว่า “Baroco” ในภาษาอิตาเลียนที่แปลว่า  “Baroque” เลยกลายเป็นคำว่า “Rococo” คำนี้เริ่มใช้โดยนักประวัติศาสตร์ประมาณปี ค.ศ.1730-1840  เพื่อเรียกช่วง  (Phase)  สุดท้ายของบาโรคในระยะเวลาประมาณตั้งแต่ปี  ค.ศ. 1720  ถึง 1770/80  กว่าๆ กล่าวคือ จนถูกนีโอคลาสสิคซิสม์ลบล้างลง และคำนี้ใช้กับงานศิลปะทุกแขนงรวมทั้งสถาปัตยกรรมและการตกแต่ง

แม้ว่าคำว่า “Rococo” นี้จะเริ่มต้นมาจากมัฑนศิลป์ (Decortive  Arts) ก่อนก็ตามและ “Rococo  Style” บางครั้งก็เรียกว่า “Style of Louis  XV” อันเป็นการสะท้อนถึงรสนิยมในราชสำนักของพระเจ้าหลุยส์ที่  14  ของฝรั่งเศส  (ค.ศ. 1715- ค.ศ. 1774)  รูปทรง  (Form) ที่อวบอิ่มและค่อนข้างหนักของบาโรค เริ่มเปลี่ยนเป็นรูปทรงตรงโปร่งบางเบาและงดงามโปร่งบาง  (Elegant) รูปทรงแบบตัวเลข (S) ยิ่งผอมสูงยิ่งขึ้น และการประดับประดาลวดลายต่าง ๆ จะได้รับการออกแบบโดยใช้รูปทรงหลายประเภทผสมกันที่ดัดแปลงมาจากธรรมชาติ  เช่น  เปลือกหอย   กิ่งไม้  ก้อนหิน  เป็นต้น 

รวมทั้งรูปทรงที่สะท้อนถึงความสนุกสนานบันเทิงใจอันเป็นลักษณะของสมัยนั้น รูปแบบโรโคโคนี้เป็นรูปแบบของการประดับประดา  (Ornamental  Style)  ที่บางเบาผิวเผินบนพื้นผิวมากกว่าที่เป็นชิ้นเป็นอันเหมือนงอกออกมาจากส่วนต่าง ๆ ของอาคารแบบบาโรค  ในทางสถาปัตยกรรมรูปแบบบาโรคที่แสดงออกถึงอารมณ์ ซึ่งมีการิโน  การินิ  (ค.ศ.1625-ค.ศ.1667)  เป็นต้นกำเนิดถูกแปรเปลี่ยนไปตามรสนิยมของชาติต่าง ๆ โดยเฉพาะเมื่อมาผสมผสานกับระบบการตกแต่งประดับประดาของฝรั่งเศสในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่  15  คือ  โรโคโค  เมืองเวียนนา  ในประเทศออสเตรีย  และภายใต้ของประเทศเยอรมันเป็นผู้นำในสถาปัตยกรรมโรโคโค  นอกเหนือจากฝรั่งเศสผู้เป็นต้นตำหรับ  ซึ่งจะเห็นได้จากการนำเอางานจิตรกรรม  ประติมากรรมมัณฑนศิลป์สาขาต่าง ๆ มาผสมผสานกันกับสถาปัตยกรรมจนเกิดผลรวมทั้งหมดที่หรูหราวิจิตรพิสดารและมีชีวิตชีวา  ในผลงานสถาปัตยกรรมของสถาปนิกโรโคโคพวกนี้โดยทั่วๆ ไปเราจะสังเกตได้ว่ามีการจัดแปลนที่ประสานกลมกลืนกับบริบทโดยรอบ เช่น  สิ่งแวดล้อมในธรรมชาติ  ถนนหนทาง  เป็นต้น  และการออกแบบแปลนและรูปด้านที่ประสานกลมกลืนกัน

ในระยะแรกความสำคัญของศิลปะโรโคโคอยู่ที่การตกแต่งและการประดิษฐ์ลวดลายประดับอาคารและอื่นๆ โดยได้รับอิทธิพลศิลปะบาโรกของอิตาลี ซึ่งเข้ามาพร้อมกับการสร้างพระราชวังแวร์ซาย ในรัชสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14ช่างชาวฝรั่งเศสได้ดัดแปลงความละเอียดความโอ่อ่าหรูหราตลอดจนเส้นและรูปทรงที่โค้งฉวัดเฉวียนแต่ยังคงความแข็งแรงแน่นทึบของมวลปริมาตรอยู่ให้มาเป็นความนุ่มนวลอ่อนหวานบอบบางมากขึ้นซึ่งลักษณะเช่นนี้จะปรากฏให้เห็นทั้งงานวิจิตรศิลป์และศิลปะประยุกต์

ROCOCO PERIOD 1730-1760 สมัยของระยะพระเจ้าหลุยส์ที่15 (1723-1774) เป็นระยะเวลาที่ศิลปะและการตกแต่งทำกันอย่างประหยัดลงขนาดของห้องและลักษณะของเครื่องเรือนเล็กลงและการตกแต่งมีความเว้าโค้งอ่อนไหวมาก สีที่ใช้ก็อ่อนๆนุ่มนวล มีลักษณะของสตรีเพศแฝงอยู่ตัดลักษณะเสาของสถาปัตยกรรมโบราณออกและมีอิทธิพลของทางตะวันออกมากขึ้น   

การตกแต่งสมัยโรโคโคนี้เป็นที่เข้าใจว่าหลุยส์ที่ 15 ให้ความสำคัญในการตกแต่งภายในมากกว่าสถาปัตยกรรม คำว่า ROCOCO  คือคำว่าที่รวมความหมายในภาษฝรั่งเศส ระหว่างคำว่า ROCAILLE ซึ่งหมายถึง หิน คำที่สร้างขึ้นอย่างหยาบๆ และคำว่า COQUILLE ซึ่งหมายถึง หอย ฝาหอย จึงทำให้ลวดลาย หลักที่ใช้ในสมัยนี้มีลายฝาหอยเป็นสำคัญ การออกแบบในสมัยนี้ยึดหลักความเหมาะสม ความสะดวกสบายด้านการใช้สอยของมนุษย์เป็นหลักสำคัญห้องต่างๆมีขนาดเล็กลงและเพิ่มการแบ่งสัดส่วนของเนื้อที่ให้ได้รับประโยชน์ใช้สอยตามความต้องการต่างๆ เช่น ส่วนที่เป็นกลางซึ่งใช้รวมกันและส่วนที่เป็นบริเวณส่วนตัวโดยเฉพาะ มีการจัดห้องรับรองสำหรับใช้ฤดูหนาวและฤดูร้อน   ห้องสมุดส่วนพระองค์ ห้องนั่งเล่น ห้องพักผ่อน ห้องเล่นเกม ห้องดื่มกาแฟ ห้องดนตรี ห้องนอนและห้องแต่งตัว ซึ่งทุกอย่างเหมือนการจัดที่อยู่อาศัยในปัจจุบันยกเว้นห้องน้ำ มีส่วนลับเฉพาะสำหรับส่วนตัวจริงๆซึ่งซ่อนอยู่หลังตู้เสื้อผ้า โดยต้องเข้าทางตู้เสื้อผ้าหรือเจาะช่องเข้าทางผนังห้องซึ่งตกแต่งไว้ แต่ไม่เน้นเป็นประตู          

การตกแต่งแบบโรคโคโค ซึ่งมีการใช้เส้นโค้งเว้าอย่างอิสระ (CURVILINER) นั้นแสดงออกให้เห็นลักษณะลวดลายซึ่งเลื้อยไหลในส่วนลายละเอียดมีลักษณะของเปลวไฟ ลักษณะของห้องดู มีเสน่ห์ การตกแต่งผนังส่วนใหญ่เป็นไม้ ระหว่างช่วงที่ผนังชนเพดานมีเพียงบัวประกอบมุมเท่านั้น ลดช่วงขนาดของการตกแต่งผนังให้เล็กลง ส่วนบนและส่วนล่างของกรอบที่ใช้ตกแต่งผนังเป็นไม้แกะลายเส้นเหมือนขอบริมฝีปากของผู้หญิงหรือเป็นเส้นโค้งเว้าต่อเนื่องกัน ตามมุมกรอบที่ตกแต่งผนังมีลักษณะสี่เหลียมผืนผ้าตามแนวตั้งเพื่อประกอบความสูงของห้อง ไม่มีการใช้กรอบลักษณะสี่เหลี่ยมจตุรัสเลย

ในผนังด้านหนึ่งมีการแบ่งเป็นกรอบเล็กกรอบใหญ่ประกอบกันไป รวมทั้งผนังที่ตรงข้ามกัน มีการประกอบลวดลายและเดินเส้นทองเขียนตกแต่งช่วงกลางกรอบด้วยลายเครือเถาวัลย์สีนุ่มนวล   ส่วนที่อยู่อาศัยทั่วไปก็เพียงแต่ทาสีเท่านั้น ในบางห้องใช้ไม้โอ๊คสีธรรมชาติลงขี้ผึ้งขัดเนื้อไม้เป็นพื้น และในบางห้องก็ทาสีอ่อนๆ เช่นสี ชมพู เขียวอ่อน เหลืองอ่อน เป็นต้น ในระยะนี้มีการห้อยผ้าทอเป็นภาพตกแต่งผนังซึ่งเป็นส่วนที่เด่นของห้องหรือที่ประหยัดกว่าก็ใช้ผ้าไหมเขียนภาพห้อยตกแต่งผนังแทน ส่วนที่ใช้ในการตกแต่งผนังอย่างอื่นก็มี เช่น กระจกเงา เชิงเทียน   เตาผิงทำด้วยหินอ่อน ชั้นขอบเหนือเตาผิงมีลักษณะโค้งเว้า

ลักษณะนี้รวมไปถึงด้านหน้าที่เป็นช่องใส่ฟืนด้วย   ช่วงเหนือเตาผิงตกแต่งด้วย ไม้แกะสลัก กระจกเงา หรือภาพเขียน ส่วนผนังด้านตรงข้ามรวมไปถึงด้านหน้าที่เป็นช่องใส่ฟืนด้วย เหนือโต๊ะคอนโซลตกแต่งด้วยกระจกเงาเพื่อสะท้อนแสงสว่างจากโคมระย้าที่ห้อยอยู่ตรงกลางห้อง หน้าเตาผิงมีแผ่นเหล็กตกแต่งด้วยลวดลายทองแบบโรคโคโคเพื่อบังแสง ลูกไฟและกระจายความร้อน ลวดลายที่อยู่บนผ้าที่ใช้ในการตกแต่งมีขนาดเล็กลง มีลายรูป ริ้วแถบผ้า ช่อดอกไม้ ลายฝาหอย ประกอบกับลวดลายโค้ง เว้า กลมกลืนกับความโค้งของเส้นรอบบัวที่ตกแต่งผนังและมีการใช้ผ้าฝ้ายพิมพ์ลวดลายกลุ่มใหญ่โดยใช้สีแดง น้ำเงิน เขียวและสีไข่ไก่ ลงบนผ้าพื้นสีขาว หน้าต่างห้อยม่านสีอ่อนๆ พื้นไม้ปาร์เก้สี่เหลี่ยมผืนผ้าสลับสีด้วยไม้ต่างชนิดกัน ส่วนที่เป็นห้องโถงส่วนกลางปูพื้นด้วยแผ่นหินอ่อนสี่เหลี่ยม แล้วปูด้วยพรมชนิดหนาลวดลายโรคโคโค สีนุ่มนวล

ศิลปโรโคโค (ภาษาอังกฤษ:Rococo) หรือบางครั้งก็เรียกกันว่า "ศิลปแบบหลุยส์ที่ 15" (Louis XIV Style) ศิลปโรโคโคเริ่มพัฒนามาจากศิลปฝรั่งเศส และการตกแต่งภายในเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 18 ห้องที่ออกแบบแบบโรโคโคจะเป็น เอกภาพ คือทุกสิ่งทุกอย่างในห้อง ไม่ว่าจะเป็นผนัง เฟอร์นิเจอร์ หรือเครื่องประดับ จะออกแบบเพื่อให้กลมกลืนกันอันหนึ่งอันเดียวกันมิใช่จะอิสระต่อกัน คือไม่มีสิ่งใดในห้องนั้นที่นอกแบบออกมา ภายในห้องจะมีเฟอร์นิเจอร์ที่หรูหราและอลังการ รูปปั้นเล็กๆแบบประดิดประดอย ภาพเขียนหรือกระจกก็จะเป็นกรอบลวดลาย และพรมแขวนผนัง ที่ถ้าแยกอะไรออกมาก็จะทำให้ห้องนั้นไม่สมบูรณ์แบบ ศิลปโรโคโคมาแทนด้วยสถาปัตยกรรมฟื้นฟูคลาสสิคและบาโรค

สไตล์โรโคโคเริ่มขึ้นจากงานมัณฑนศิลป์และศิลปะการตกแต่งภายใน ในรัชสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 แห่งฝรั่งเศส เมื่อปลายรัชสมัยการตกแต่งอย่างหรูหราแบบโรโคโคก็เริ่มเบาขึ้น มีเส้นโค้ง และลวดลายเริ่มเป็นธรรมชาติมากขึ้น ลักษณะเช่นนี้จะเห็นชัดได้จากผลงานของ นิโคลัส พินเนอ (Nicholas Pineau) ระหว่างสมัยรีเจนซ์ (R?gence) ชีวิตราชสำนักก็เริ่มย้ายออกจากพระราชวังแวร์ซายส์ โรโคโคก็มีรากฐานมั่นคงขึ้นโดยเริ่มจากงานในวังหลวงแล้วขยายออกมาสู่งานสำหรับชนชั้นสูง ลักษณะอ่อนไหวและขึ้เล่นของโรโคโคทำให้เหมาะสมกับการใช้ชีวิตอย่างฟุ้งเฟ้อของรัชสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 โดยแท้ราวประมาณปี ค.ศ. 1730 เป็นระยะที่ศิลปโรโคโครุ่งเรืองที่สุดในประเทศฝรั่งเศส สถาปัตยกรรมลักษณะนี้เริ่มเข้าไปมีอิทธิพลต่อศิลปะแขนงอื่นๆด้วย เช่น จิตรกรรม ประติมากรรม และ เฟอร์นิเจอร์ จะเห็นได้จากงานของ ฌอง อองตวน วัตโตว์ (Jean-Antoine Watteau) และ ฟรองซัวส์ บูแชร์ (Fran?ois Boucher) ศิลปโรโคโคยังรักษาลักษณะบางอย่างของศิลปบาโรกเช่นความซับซ้อนของรูปทรง (form) และความละเอียดลออของลวดลาย แต่สิ่งที่โรโคโคจะแตกต่างกับบาโรกคือจะผสมผสานลักษณะอย่างอื่นเข้ามาด้วย รวมทั้งศิลปะจากทางตะวันออกโดยเฉพาะจากจีนและญี่ปุ่น และองค์ประกอบจะขาดความสมดุล (asymmetric)

ศิลปะแบบโรโคโคเผยแพร่โดยศิลปินชาวฝรั่งเศส แต่ผู้ที่ตื่นเต้นกับศิลปะลักษณะนี้มากก็คือสถาบันคาทอลิกทางใต้ของประเทศเยอรมนี บริเวณโบฮิเมีย (Bohemia-ปัจจุบันอยู่ในสาธารณรัฐเช็ก) และประเทศออสเตรีย เพราะเป็นศิลปะที่สามารถประสมประสานอย่างกลมกลืนกับศิลปบาโรคแบบเยอรมนีได้เป็นอย่างดี ศิลปโรโคโคแบบเยอรมนีจะใช้กันมากในการสร้างโบสถ์ สำนักสงฆ์ (monasteries) และวัง ในสมัยพระเจ้าฟรีดริชมหาราช แห่ง ปรัสเซีย ศิลปินแห่งราชสำนักปรัสเซียก็เริ่มสร้างลักษณะโรโคโคที่เป็นของตนเองที่เรียกกันว่าโรโคโคแบบฟรีดริช (Frederician Rococo) ซึ่งมีอิทธิพลมาจากโรโคโคฝรั่งเศสและเนเธอร์แลนด์ สถาปนิกมักจะตกแต่งภายในด้วยปุยเมฆที่ทำจากปูนปั้น (stucco) ทั่วไปทั้งห้อง

พอถึงปลายสมัยโรโคโค ศิลปะแบบนี้ก็เริ่มเป็นที่นิยมกันทางเหนือและใต้สุดของประเทศอิตาลี ฟรานเซสโก บอโรมินิ (Francesco Borromini) และ กัวริโน กัวรินี (Guarino Guarini) ใช้โรโคโคที่เมืองตูริน เวนิส เนเปิล และ ซิซิลี แต่ทางบริเวณทัสเคนี และ โรม จะไม่นิยมโรโคโค และยังยึดอยู่กับศิลปะแบบบาโรค

โรโคโคที่ประเทศอังกฤษมักจะเรียกกันว่าศิลปะแบบฝรั่งเศส หรือ "รสนิยมฝรั่งเศส" ("French taste") สถาปัตยกรรมแบบโรโคโคจะไม่เป็นที่นิยม แต่โรโคโคที่นิยมกันก็คือการทำเครื่องเงิน เครื่องกระเบื้อง และไหม ธอมัส ชิพเพ็นเดล (Thomas Chippendale) ช่างออกแบบเฟอร์นิเจอร์ที่มีชื่อเสียงของอังกฤษ เปลี่ยนรูปแบบการทำเฟอร์นิเจอร์โดยการนำโรโคโคมาประยุกต์ วิลเลียม โฮการ์ธ (William Hogarth) เป็นผู้วางรากฐานทฤษฎีของความสวยงามของโรโคโค ถึงแม้ว่าโฮการ์ธจะไม่ใช้คำว่าโรโคโคโดยตรงในหนังสือชื่อ "การวิจัยเรื่องความงาม" (Analysis of Beauty) (ค.ศ. 1753) แต่โฮการ์ธก็พูดถึงความอ่อนช้อย สละสลวยของเส้นและรูปโค้งแบบเอส (S-curves) ที่โรโคโคใช้ ซึ่งเป็นหัวใจของศิลปะโรโคโค และเป็นสิ่งที่ทำให้โรโคโคมีความอ่อนช้อยสวยงาม และทำให้แตกต่างจากศิลปะสมัยคลาสสิคซิสม์ (Classicism ซึ่งเป็นศิลปะสมัยที่หันกลับไปนิยมเลียนแบบศิลปะแบบกรีกและโรมัน) ที่จะขึงขังเพราะการใช้เส้นตรงหรือวงกลมเป็นหลัก ศิลปโรโคโคเริ่มวิวัฒนาการขึ้นในขณะเดียวกับที่มีการฟื้นตัวกลับมานิยมสถาปัตยกรรมแบบโกธิค ("สมัยฟื้นฟูกอธิค" (Gothic Revival)) เมื่อต้นคริสต์ศตวรรษที่ 1อ่านแล้วค่อนข้างจะหนักไปทางประวัติศาสตร์บ้างพอสมควร   แต่ก็เชื่อว่าบางท่านสนใจและเป็นความหลากหลายที่ได้ความรู้ติดตัวไปบ้างจากคอลัมน์นี้  นอกเหนือไปจากตกแต่งเท่านั้นค่ะ

 


แหล่งที่มา : magazine.ps.co.th
จำนวนคนอ่าน : 46779 คน

บทความที่ใกล้เคียงกัน :

 

รับทำงานไม้ รับทำระเบียงไม้ รับทำงานไม้ระแนง

5 มุมบ้านสวยด้วยสไตล์ไทยโอเรียนทัล

11 ก.ย. 2557
5  มุมบ้านสวยด้วยสไตล์ไทยโอเรียนทัล

การตกแต่งบ้านที่น่าสนใจที่นำมาฝากครั้งนี้ เป็นบ้านสวยสไตล์ไทยโอเรียนทัล โดยใช้ฟอร์นิเจอร์และของประดับตกแต่งที่ทำจากวัสดุธรรมชาติ หาซื้อง่ายในท้องถิ่นเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งช่วยเพิ่มบรรยากาศการอยู่อย่างไทยได้เป็นอย่างดี    Read more

การตกแต่งบ้านประหยัดพลังงาน

11 ก.ย. 2557
การตกแต่งบ้านประหยัดพลังงาน

ปัจจุบันนับวันยิ่งแปรปรวนขึ้นแทบทุกวัน และปัญหาที่หนักสุดสำหรับคนไทย ก็คืออากาศที่ร้อนและร้อนมาก ดังนั้นจึงทำให้แต่ละคนจำเป็นต้องพึ่งพาเครื่องใช้ไฟฟ้าประเภททำความเย็น ซึ่งกลายเป็นปัจจัยสำคัญกับการทำกิจวัตรประจำวันในที่พักอาศัยและอาคารสถานที่ต่าง ๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้     Read more

การรู้จักการตกแต่งแบบสไตล์คันทรี

11 ก.ย. 2557
การรู้จักการตกแต่งแบบสไตล์คันทรี

รูปแบบการตกแต่งที่บ่งบอกถึงความไม่เป็นทางการ ตลอดจนอารมณ์ ความรู้สึก ที่ทำให้ผู้อยู่อาศัยได้ดื่มด่ำกับสไตล์การตกแต่งจากเฟอร์นิเจอร์แต่วัสดุที่ใช้ก็ยังคงให้เห็นถึงธรรมชาติรวมถึงงานแฮนด์เมคที่คิดสร้างสรรค์ให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวก็ล้วนอยู่ใน สไตล์คันทรี    Read more

แต่งห้องเฉดสีชมพูสไตล์วินเทจ

11 ก.ย. 2557
แต่งห้องเฉดสีชมพูสไตล์วินเทจ

วันนี้ขอเสนอการแต่งห้องต่าง ๆ ในบ้านด้วยเฉดสีชมพู สไตล์วินเทจหวาน ๆ โดยมีแบบแต่งห้องสวย ๆ มากมาย เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องครัว ห้องนอน เพื่อน ๆ สามารถมิกซ์แอนด์แมชการใช้สีเฉดสีชมพูต่าง ๆ เช่น การใช้สีม่วง สีชมพู สีแนวพาสเทล ให้เข้ากับสีเฟอร์นิเจอร์ สีพื้น สีผนังสวย ๆ หวังว่า เพื่อน ๆ คงจะชอบกันนะคะ    Read more

Amazing ของการตกแต่งภายในด้วยโทนสีม่วง

11 ก.ย. 2557
Amazing ของการตกแต่งภายในด้วยโทนสีม่วง

วันนี้เรามีไอเดีย เจ๋งๆ มาฝากเพื่อนๆ กันค่ะ สำหรับการจัดตกแต่งห้องด้วยโทนสีม่วง สดใส น่าอยู่ เช่น ห้องนอน ห้องน้ำ    Read more
  1   2 3 4 Next
Topics 1 - 5 of 439