/home/homedecor/domains/www1.homedecorthai.com/public_html/templates/default/ext/ui/article_detail.tpl.php เฟอร์นิเจอร์กับศิลปะโรโคโค
 
 
    
   
     
     
   
 

เฟอร์นิเจอร์กับศิลปะโรโคโค

23 มิ.ย. 2554

 

เฟอร์นิเจอร์กับศิลปะโรโคโค

เมื่อพูดถึงในงานออกแบบตกแต่งภายในบ้านเรา มีอยู่สไตล์หนึ่งซึ่งแม้กระทั่งนักออกแบบหรือมัณฑนากรแทบไม่ค่อยรู้จัก  หรือมักนำมาใช้ในงานออกแบบตกแต่งภายในบ้านเรา    และเท่าที่ทราบก็ยังไม่ค่อยมีท่านใดนำมาประยุกต์ใช้ อาจเนื่องด้วยรายละเอียดของงานและการประดิดประดอยทำได้ค่อนข้างยาก   ต้องอาศัยช่างปั้นบัวที่เก่งฉกาจมากจึงจะออกมาได้สวยงาม สไตล์ที่กล่าวถึงนี้มีชื่อเรียกว่า โรโคโค ที่อยู่ในช่วงราวพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 และเทียบเคียงได้กับสมัยอยุธยาเลยทีเดียว  นับเป็นยุคทองของฝรั่งเศสและอีกหลายประเทศในแถบยุโรปหันมาตกแต่งโดยเฉพาะอย่างยิ่งในพระราชวัง ปราสาท และคฤหาสน์ต่างๆ    เราลองมาทำความรู้จักคุ้นเคยกับสไตล์ที่ว่ากันสักเล็กน้อยด้วยการย่อยข้อมูลและประวัติความเป็นมา  ลักษณะเครื่องเรือนและการตกแต่ง ซึ่งเชื่อว่าอาจมีใครสนใจและนำมาประยุกต์ใช้ในบ้านของท่าน

ศิลปะโรโกโก ROCOCO 
ประวัติทั่วไป ต้นคริสต์ศตวรรษที่ 18 ของยุโรป

กล่าวคือ คำว่า  “Rococo”  นี้มาจากคำว่า  “Rocille” (Shell Shape) ซึ่งเป็นลายแม่บท (Motif) ที่นิยมกันมากในการตกแต่งประดับประดาของบาโรค และเมื่อคำว่า “Rocaille” นี้มาผสมกับคำว่า “Baroco” ในภาษาอิตาเลียนที่แปลว่า  “Baroque” เลยกลายเป็นคำว่า “Rococo” คำนี้เริ่มใช้โดยนักประวัติศาสตร์ประมาณปี ค.ศ.1730-1840  เพื่อเรียกช่วง  (Phase)  สุดท้ายของบาโรคในระยะเวลาประมาณตั้งแต่ปี  ค.ศ. 1720  ถึง 1770/80  กว่าๆ กล่าวคือ จนถูกนีโอคลาสสิคซิสม์ลบล้างลง และคำนี้ใช้กับงานศิลปะทุกแขนงรวมทั้งสถาปัตยกรรมและการตกแต่ง

แม้ว่าคำว่า “Rococo” นี้จะเริ่มต้นมาจากมัฑนศิลป์ (Decortive  Arts) ก่อนก็ตามและ “Rococo  Style” บางครั้งก็เรียกว่า “Style of Louis  XV” อันเป็นการสะท้อนถึงรสนิยมในราชสำนักของพระเจ้าหลุยส์ที่  14  ของฝรั่งเศส  (ค.ศ. 1715- ค.ศ. 1774)  รูปทรง  (Form) ที่อวบอิ่มและค่อนข้างหนักของบาโรค เริ่มเปลี่ยนเป็นรูปทรงตรงโปร่งบางเบาและงดงามโปร่งบาง  (Elegant) รูปทรงแบบตัวเลข (S) ยิ่งผอมสูงยิ่งขึ้น และการประดับประดาลวดลายต่าง ๆ จะได้รับการออกแบบโดยใช้รูปทรงหลายประเภทผสมกันที่ดัดแปลงมาจากธรรมชาติ  เช่น  เปลือกหอย   กิ่งไม้  ก้อนหิน  เป็นต้น 

รวมทั้งรูปทรงที่สะท้อนถึงความสนุกสนานบันเทิงใจอันเป็นลักษณะของสมัยนั้น รูปแบบโรโคโคนี้เป็นรูปแบบของการประดับประดา  (Ornamental  Style)  ที่บางเบาผิวเผินบนพื้นผิวมากกว่าที่เป็นชิ้นเป็นอันเหมือนงอกออกมาจากส่วนต่าง ๆ ของอาคารแบบบาโรค  ในทางสถาปัตยกรรมรูปแบบบาโรคที่แสดงออกถึงอารมณ์ ซึ่งมีการิโน  การินิ  (ค.ศ.1625-ค.ศ.1667)  เป็นต้นกำเนิดถูกแปรเปลี่ยนไปตามรสนิยมของชาติต่าง ๆ โดยเฉพาะเมื่อมาผสมผสานกับระบบการตกแต่งประดับประดาของฝรั่งเศสในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่  15  คือ  โรโคโค  เมืองเวียนนา  ในประเทศออสเตรีย  และภายใต้ของประเทศเยอรมันเป็นผู้นำในสถาปัตยกรรมโรโคโค  นอกเหนือจากฝรั่งเศสผู้เป็นต้นตำหรับ  ซึ่งจะเห็นได้จากการนำเอางานจิตรกรรม  ประติมากรรมมัณฑนศิลป์สาขาต่าง ๆ มาผสมผสานกันกับสถาปัตยกรรมจนเกิดผลรวมทั้งหมดที่หรูหราวิจิตรพิสดารและมีชีวิตชีวา  ในผลงานสถาปัตยกรรมของสถาปนิกโรโคโคพวกนี้โดยทั่วๆ ไปเราจะสังเกตได้ว่ามีการจัดแปลนที่ประสานกลมกลืนกับบริบทโดยรอบ เช่น  สิ่งแวดล้อมในธรรมชาติ  ถนนหนทาง  เป็นต้น  และการออกแบบแปลนและรูปด้านที่ประสานกลมกลืนกัน

ในระยะแรกความสำคัญของศิลปะโรโคโคอยู่ที่การตกแต่งและการประดิษฐ์ลวดลายประดับอาคารและอื่นๆ โดยได้รับอิทธิพลศิลปะบาโรกของอิตาลี ซึ่งเข้ามาพร้อมกับการสร้างพระราชวังแวร์ซาย ในรัชสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14ช่างชาวฝรั่งเศสได้ดัดแปลงความละเอียดความโอ่อ่าหรูหราตลอดจนเส้นและรูปทรงที่โค้งฉวัดเฉวียนแต่ยังคงความแข็งแรงแน่นทึบของมวลปริมาตรอยู่ให้มาเป็นความนุ่มนวลอ่อนหวานบอบบางมากขึ้นซึ่งลักษณะเช่นนี้จะปรากฏให้เห็นทั้งงานวิจิตรศิลป์และศิลปะประยุกต์

ROCOCO PERIOD 1730-1760 สมัยของระยะพระเจ้าหลุยส์ที่15 (1723-1774) เป็นระยะเวลาที่ศิลปะและการตกแต่งทำกันอย่างประหยัดลงขนาดของห้องและลักษณะของเครื่องเรือนเล็กลงและการตกแต่งมีความเว้าโค้งอ่อนไหวมาก สีที่ใช้ก็อ่อนๆนุ่มนวล มีลักษณะของสตรีเพศแฝงอยู่ตัดลักษณะเสาของสถาปัตยกรรมโบราณออกและมีอิทธิพลของทางตะวันออกมากขึ้น   

การตกแต่งสมัยโรโคโคนี้เป็นที่เข้าใจว่าหลุยส์ที่ 15 ให้ความสำคัญในการตกแต่งภายในมากกว่าสถาปัตยกรรม คำว่า ROCOCO  คือคำว่าที่รวมความหมายในภาษฝรั่งเศส ระหว่างคำว่า ROCAILLE ซึ่งหมายถึง หิน คำที่สร้างขึ้นอย่างหยาบๆ และคำว่า COQUILLE ซึ่งหมายถึง หอย ฝาหอย จึงทำให้ลวดลาย หลักที่ใช้ในสมัยนี้มีลายฝาหอยเป็นสำคัญ การออกแบบในสมัยนี้ยึดหลักความเหมาะสม ความสะดวกสบายด้านการใช้สอยของมนุษย์เป็นหลักสำคัญห้องต่างๆมีขนาดเล็กลงและเพิ่มการแบ่งสัดส่วนของเนื้อที่ให้ได้รับประโยชน์ใช้สอยตามความต้องการต่างๆ เช่น ส่วนที่เป็นกลางซึ่งใช้รวมกันและส่วนที่เป็นบริเวณส่วนตัวโดยเฉพาะ มีการจัดห้องรับรองสำหรับใช้ฤดูหนาวและฤดูร้อน   ห้องสมุดส่วนพระองค์ ห้องนั่งเล่น ห้องพักผ่อน ห้องเล่นเกม ห้องดื่มกาแฟ ห้องดนตรี ห้องนอนและห้องแต่งตัว ซึ่งทุกอย่างเหมือนการจัดที่อยู่อาศัยในปัจจุบันยกเว้นห้องน้ำ มีส่วนลับเฉพาะสำหรับส่วนตัวจริงๆซึ่งซ่อนอยู่หลังตู้เสื้อผ้า โดยต้องเข้าทางตู้เสื้อผ้าหรือเจาะช่องเข้าทางผนังห้องซึ่งตกแต่งไว้ แต่ไม่เน้นเป็นประตู          

การตกแต่งแบบโรคโคโค ซึ่งมีการใช้เส้นโค้งเว้าอย่างอิสระ (CURVILINER) นั้นแสดงออกให้เห็นลักษณะลวดลายซึ่งเลื้อยไหลในส่วนลายละเอียดมีลักษณะของเปลวไฟ ลักษณะของห้องดู มีเสน่ห์ การตกแต่งผนังส่วนใหญ่เป็นไม้ ระหว่างช่วงที่ผนังชนเพดานมีเพียงบัวประกอบมุมเท่านั้น ลดช่วงขนาดของการตกแต่งผนังให้เล็กลง ส่วนบนและส่วนล่างของกรอบที่ใช้ตกแต่งผนังเป็นไม้แกะลายเส้นเหมือนขอบริมฝีปากของผู้หญิงหรือเป็นเส้นโค้งเว้าต่อเนื่องกัน ตามมุมกรอบที่ตกแต่งผนังมีลักษณะสี่เหลียมผืนผ้าตามแนวตั้งเพื่อประกอบความสูงของห้อง ไม่มีการใช้กรอบลักษณะสี่เหลี่ยมจตุรัสเลย

ในผนังด้านหนึ่งมีการแบ่งเป็นกรอบเล็กกรอบใหญ่ประกอบกันไป รวมทั้งผนังที่ตรงข้ามกัน มีการประกอบลวดลายและเดินเส้นทองเขียนตกแต่งช่วงกลางกรอบด้วยลายเครือเถาวัลย์สีนุ่มนวล   ส่วนที่อยู่อาศัยทั่วไปก็เพียงแต่ทาสีเท่านั้น ในบางห้องใช้ไม้โอ๊คสีธรรมชาติลงขี้ผึ้งขัดเนื้อไม้เป็นพื้น และในบางห้องก็ทาสีอ่อนๆ เช่นสี ชมพู เขียวอ่อน เหลืองอ่อน เป็นต้น ในระยะนี้มีการห้อยผ้าทอเป็นภาพตกแต่งผนังซึ่งเป็นส่วนที่เด่นของห้องหรือที่ประหยัดกว่าก็ใช้ผ้าไหมเขียนภาพห้อยตกแต่งผนังแทน ส่วนที่ใช้ในการตกแต่งผนังอย่างอื่นก็มี เช่น กระจกเงา เชิงเทียน   เตาผิงทำด้วยหินอ่อน ชั้นขอบเหนือเตาผิงมีลักษณะโค้งเว้า

ลักษณะนี้รวมไปถึงด้านหน้าที่เป็นช่องใส่ฟืนด้วย   ช่วงเหนือเตาผิงตกแต่งด้วย ไม้แกะสลัก กระจกเงา หรือภาพเขียน ส่วนผนังด้านตรงข้ามรวมไปถึงด้านหน้าที่เป็นช่องใส่ฟืนด้วย เหนือโต๊ะคอนโซลตกแต่งด้วยกระจกเงาเพื่อสะท้อนแสงสว่างจากโคมระย้าที่ห้อยอยู่ตรงกลางห้อง หน้าเตาผิงมีแผ่นเหล็กตกแต่งด้วยลวดลายทองแบบโรคโคโคเพื่อบังแสง ลูกไฟและกระจายความร้อน ลวดลายที่อยู่บนผ้าที่ใช้ในการตกแต่งมีขนาดเล็กลง มีลายรูป ริ้วแถบผ้า ช่อดอกไม้ ลายฝาหอย ประกอบกับลวดลายโค้ง เว้า กลมกลืนกับความโค้งของเส้นรอบบัวที่ตกแต่งผนังและมีการใช้ผ้าฝ้ายพิมพ์ลวดลายกลุ่มใหญ่โดยใช้สีแดง น้ำเงิน เขียวและสีไข่ไก่ ลงบนผ้าพื้นสีขาว หน้าต่างห้อยม่านสีอ่อนๆ พื้นไม้ปาร์เก้สี่เหลี่ยมผืนผ้าสลับสีด้วยไม้ต่างชนิดกัน ส่วนที่เป็นห้องโถงส่วนกลางปูพื้นด้วยแผ่นหินอ่อนสี่เหลี่ยม แล้วปูด้วยพรมชนิดหนาลวดลายโรคโคโค สีนุ่มนวล

ศิลปโรโคโค (ภาษาอังกฤษ:Rococo) หรือบางครั้งก็เรียกกันว่า "ศิลปแบบหลุยส์ที่ 15" (Louis XIV Style) ศิลปโรโคโคเริ่มพัฒนามาจากศิลปฝรั่งเศส และการตกแต่งภายในเมื่อคริสต์ศตวรรษที่ 18 ห้องที่ออกแบบแบบโรโคโคจะเป็น เอกภาพ คือทุกสิ่งทุกอย่างในห้อง ไม่ว่าจะเป็นผนัง เฟอร์นิเจอร์ หรือเครื่องประดับ จะออกแบบเพื่อให้กลมกลืนกันอันหนึ่งอันเดียวกันมิใช่จะอิสระต่อกัน คือไม่มีสิ่งใดในห้องนั้นที่นอกแบบออกมา ภายในห้องจะมีเฟอร์นิเจอร์ที่หรูหราและอลังการ รูปปั้นเล็กๆแบบประดิดประดอย ภาพเขียนหรือกระจกก็จะเป็นกรอบลวดลาย และพรมแขวนผนัง ที่ถ้าแยกอะไรออกมาก็จะทำให้ห้องนั้นไม่สมบูรณ์แบบ ศิลปโรโคโคมาแทนด้วยสถาปัตยกรรมฟื้นฟูคลาสสิคและบาโรค

สไตล์โรโคโคเริ่มขึ้นจากงานมัณฑนศิลป์และศิลปะการตกแต่งภายใน ในรัชสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 แห่งฝรั่งเศส เมื่อปลายรัชสมัยการตกแต่งอย่างหรูหราแบบโรโคโคก็เริ่มเบาขึ้น มีเส้นโค้ง และลวดลายเริ่มเป็นธรรมชาติมากขึ้น ลักษณะเช่นนี้จะเห็นชัดได้จากผลงานของ นิโคลัส พินเนอ (Nicholas Pineau) ระหว่างสมัยรีเจนซ์ (R?gence) ชีวิตราชสำนักก็เริ่มย้ายออกจากพระราชวังแวร์ซายส์ โรโคโคก็มีรากฐานมั่นคงขึ้นโดยเริ่มจากงานในวังหลวงแล้วขยายออกมาสู่งานสำหรับชนชั้นสูง ลักษณะอ่อนไหวและขึ้เล่นของโรโคโคทำให้เหมาะสมกับการใช้ชีวิตอย่างฟุ้งเฟ้อของรัชสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 โดยแท้ราวประมาณปี ค.ศ. 1730 เป็นระยะที่ศิลปโรโคโครุ่งเรืองที่สุดในประเทศฝรั่งเศส สถาปัตยกรรมลักษณะนี้เริ่มเข้าไปมีอิทธิพลต่อศิลปะแขนงอื่นๆด้วย เช่น จิตรกรรม ประติมากรรม และ เฟอร์นิเจอร์ จะเห็นได้จากงานของ ฌอง อองตวน วัตโตว์ (Jean-Antoine Watteau) และ ฟรองซัวส์ บูแชร์ (Fran?ois Boucher) ศิลปโรโคโคยังรักษาลักษณะบางอย่างของศิลปบาโรกเช่นความซับซ้อนของรูปทรง (form) และความละเอียดลออของลวดลาย แต่สิ่งที่โรโคโคจะแตกต่างกับบาโรกคือจะผสมผสานลักษณะอย่างอื่นเข้ามาด้วย รวมทั้งศิลปะจากทางตะวันออกโดยเฉพาะจากจีนและญี่ปุ่น และองค์ประกอบจะขาดความสมดุล (asymmetric)

ศิลปะแบบโรโคโคเผยแพร่โดยศิลปินชาวฝรั่งเศส แต่ผู้ที่ตื่นเต้นกับศิลปะลักษณะนี้มากก็คือสถาบันคาทอลิกทางใต้ของประเทศเยอรมนี บริเวณโบฮิเมีย (Bohemia-ปัจจุบันอยู่ในสาธารณรัฐเช็ก) และประเทศออสเตรีย เพราะเป็นศิลปะที่สามารถประสมประสานอย่างกลมกลืนกับศิลปบาโรคแบบเยอรมนีได้เป็นอย่างดี ศิลปโรโคโคแบบเยอรมนีจะใช้กันมากในการสร้างโบสถ์ สำนักสงฆ์ (monasteries) และวัง ในสมัยพระเจ้าฟรีดริชมหาราช แห่ง ปรัสเซีย ศิลปินแห่งราชสำนักปรัสเซียก็เริ่มสร้างลักษณะโรโคโคที่เป็นของตนเองที่เรียกกันว่าโรโคโคแบบฟรีดริช (Frederician Rococo) ซึ่งมีอิทธิพลมาจากโรโคโคฝรั่งเศสและเนเธอร์แลนด์ สถาปนิกมักจะตกแต่งภายในด้วยปุยเมฆที่ทำจากปูนปั้น (stucco) ทั่วไปทั้งห้อง

พอถึงปลายสมัยโรโคโค ศิลปะแบบนี้ก็เริ่มเป็นที่นิยมกันทางเหนือและใต้สุดของประเทศอิตาลี ฟรานเซสโก บอโรมินิ (Francesco Borromini) และ กัวริโน กัวรินี (Guarino Guarini) ใช้โรโคโคที่เมืองตูริน เวนิส เนเปิล และ ซิซิลี แต่ทางบริเวณทัสเคนี และ โรม จะไม่นิยมโรโคโค และยังยึดอยู่กับศิลปะแบบบาโรค

โรโคโคที่ประเทศอังกฤษมักจะเรียกกันว่าศิลปะแบบฝรั่งเศส หรือ "รสนิยมฝรั่งเศส" ("French taste") สถาปัตยกรรมแบบโรโคโคจะไม่เป็นที่นิยม แต่โรโคโคที่นิยมกันก็คือการทำเครื่องเงิน เครื่องกระเบื้อง และไหม ธอมัส ชิพเพ็นเดล (Thomas Chippendale) ช่างออกแบบเฟอร์นิเจอร์ที่มีชื่อเสียงของอังกฤษ เปลี่ยนรูปแบบการทำเฟอร์นิเจอร์โดยการนำโรโคโคมาประยุกต์ วิลเลียม โฮการ์ธ (William Hogarth) เป็นผู้วางรากฐานทฤษฎีของความสวยงามของโรโคโค ถึงแม้ว่าโฮการ์ธจะไม่ใช้คำว่าโรโคโคโดยตรงในหนังสือชื่อ "การวิจัยเรื่องความงาม" (Analysis of Beauty) (ค.ศ. 1753) แต่โฮการ์ธก็พูดถึงความอ่อนช้อย สละสลวยของเส้นและรูปโค้งแบบเอส (S-curves) ที่โรโคโคใช้ ซึ่งเป็นหัวใจของศิลปะโรโคโค และเป็นสิ่งที่ทำให้โรโคโคมีความอ่อนช้อยสวยงาม และทำให้แตกต่างจากศิลปะสมัยคลาสสิคซิสม์ (Classicism ซึ่งเป็นศิลปะสมัยที่หันกลับไปนิยมเลียนแบบศิลปะแบบกรีกและโรมัน) ที่จะขึงขังเพราะการใช้เส้นตรงหรือวงกลมเป็นหลัก ศิลปโรโคโคเริ่มวิวัฒนาการขึ้นในขณะเดียวกับที่มีการฟื้นตัวกลับมานิยมสถาปัตยกรรมแบบโกธิค ("สมัยฟื้นฟูกอธิค" (Gothic Revival)) เมื่อต้นคริสต์ศตวรรษที่ 1อ่านแล้วค่อนข้างจะหนักไปทางประวัติศาสตร์บ้างพอสมควร   แต่ก็เชื่อว่าบางท่านสนใจและเป็นความหลากหลายที่ได้ความรู้ติดตัวไปบ้างจากคอลัมน์นี้  นอกเหนือไปจากตกแต่งเท่านั้นค่ะ

 


แหล่งที่มา : magazine.ps.co.th
จำนวนคนอ่าน : 46961 คน

บทความที่ใกล้เคียงกัน :

 

รับทำงานไม้ รับทำระเบียงไม้ รับทำงานไม้ระแนง

ไอเดียการตกแต่งรั้วบ้านให้ดูเก๋

28 ส.ค. 2557
ไอเดียการตกแต่งรั้วบ้านให้ดูเก๋

รั้วบ้านเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยเสริมให้บ้านดูสวยงามยิ่งและช่วยกันขโมยได้ในระดับหนึ่ง การตกแต่งรั้วบ้านให้เหมาะสมกับตัวบ้านจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากรั้วบ้านไม่สวยแล้ว ตัวบ้านก็อาจดูไม่น่ามองไปด้วย     Read more

รั้วบ้านป้องกันมลพิษ

28 ส.ค. 2557
รั้วบ้านป้องกันมลพิษ

วันนี้ homedecorthai มีวิธีการสร้างรั้วบ้านที่ป้องกันมลพิษมาฝากเพื่อนค่ะ รั้วบ้านนั้นมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องใส่ใจดูแล เพราะ หนึ่งเลยเป็นสิ่งที่ป้องกันโจรขโมยเข้าบ้าน รั้วยังทำหน้าที่ปกป้องตัวบ้านและผู้อยู่อาศัยจากปัญหามลพิษที่เกิดขึ้นอยู่รอบตัวเรา รั้วก็สามารช่วยเปลี่ยนทิศทางลมได้ และยังมีความสวยงามอยู่ในตัวและมีความสง่าสะท้อนถึงตัวบุคลิกภาพของผู้เป็นเจ้าของอีกด้วยค่ะ ^^    Read more

เลือกใช้ Wallpaper อย่างไรให้โดน

28 ส.ค. 2557
เลือกใช้ Wallpaper อย่างไรให้โดน

แม้จะเป็นเพียงกระดาษแผ่นบาง ทว่า วอลล์เปเปอร์ ช่วยสร้างสรรค์บรรยากาศ ให้กับบ้านได้อย่างหลากหลาย ไม่แพ้วัสดุตกแต่งผนังชนิดอื่น วันนี้เรามีวิธีเลือกใช้วอลเปเปอร์มาฝากค่ะ    Read more

ความคิดสร้างสรรค์บนต้นไม้

19 ส.ค. 2557
ความคิดสร้างสรรค์บนต้นไม้

มีไอเดียแปลกๆ แหวกแนวแต่น่าสนใจ มาฝากเพื่อนๆ อีกแล้วค่ะ วันนี้ homedecorthai มีไอเดียจากญี่ปุ่นมาฝากเพื่อนๆ ค่ะ อันนี้เป็นร้านอาหารบนต้นไม้ค่ะ แต่เราสามารถนำมาประยุกค์ใช้ในการจัดตกแต่งให้เข้ากับบ้านของเราด้วยการจัดตกแต่งไว้ในสวนไว้เป็นห้องรับแขกหรือห้องพักผ่อนก็ได้น่ะค่ะ เพื่อนๆ ลองดูน่ะค่ะว่าจะแปลกแหวกแนวขนาดไหน....    Read more

ตกแต่งห้องด้วยชุดต้นไม้ติดผนัง

19 ส.ค. 2557
ตกแต่งห้องด้วยชุดต้นไม้ติดผนัง

เป็นการนำต้นไม้ของชาวสวนมาตกแต่งห้องนั่งเล่น ให้ดูมีสีสันมากขึ้น ซึ่งออกแบบที่ปลูกพืชติดผนังให้เป็นตารางหลายๆช่องและนำไปติดกับผนัง เป็นการออกแบบที่เรียบง่ายแต่น่าทึ่งมากเลย     Read more
Topics 21 - 25 of 439