/home/homedecor/domains/www1.homedecorthai.com/public_html/templates/default/ext/ui/article_detail.tpl.php สิ่งที่ควรทราบในการเลือกพื้นไม้
 
 
    
   
     
     
   
 

สิ่งที่ควรทราบในการเลือกพื้นไม้

27 ก.ค. 2554

สิ่งที่ควรทราบในการเลือกพื้นไม้

การเลือกพื้นไม้เพื่อใช้งานมีข้อควรคำนึงหลายประการ ในที่นี้เราจะใช้เกณฑ์เกี่ยวกับชนิด,ขนาด,สี,ลักษณะการใช้งาน เพื่อเลือกพื้นไม้ที่มีอยู่หลากหลายรูปแบบในตลาด พื้นไม้ในปัจจุบันนี้พอจำแนกเป็นกลุ่มใหญ่ๆ.เพื่อง่ายต่อการพิจารณาเลือกใช้โดยเบื้องต้นดังนี้คือ

1. ประเภทไม้พื้นที่ต้องไปขัดและเคลือบผิวที่หน้างาน ซึ่งเป็นประเภทที่เราคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว เนื่องจากในบ้านเรา จากอดีตที่ผ่านมาจนกระทั่งปัจจุบันเราใช้วิธีการดังกล่าวอยู่เป็นส่วนใหญ่

2. ประเภทไม้พื้นสำเร็จรูปซึ่งถือว่าเป็นประเภทที่ค่อนข้างใหม่ และเพิ่งเริ่มมีการใช้ในบ้านเราและได้รับความนิยมขึ้นเรื่อยๆ มาประมาณ 4-5 ปี โดยไม้พื้นประเภทนี้ได้ขัดหรือเคลือบสีหรือเคลือบผิวสำเร็จมาแล้วจากโรงงานเพื่อนำไปปูและติดตั้งสามารถใช้งานได้เลย

การที่จะเลือกใช้ไม้พื้นประเภทใดควรพิจารณาจากวัตถุประสงค์ของการนำไปใช้เป็นหลัก

โดยถ้าเป็นการใช้สำหรับคอนโดหรือบ้านจัดสรรของโครงการ ซึ่งเมื่อตอนรับโอนมางานสีภายในโดยเฉพาะสีผนังเสร็จเรียบร้อยหมดแล้ว ต้องการติดตั้งพื้นไม้ หากไม่ต้องการให้เกิดความสกปรกขึ้น โดยเฉพาะฝุ่นจากการขัดไม้ในระหว่างทำงานพื้น ก็ควรจะเลือกใช้เป็นไม้พื้นสำเร็จรูป

สำหรับประเภทพื้นขัดทำ-สี คนส่วนใหญ่เลือกใช้เพราะยังเชื่อมั่นว่าไม้ประเภทดังกล่าวน่าจะใช้งานได้ทนทานกว่าโดยเฉพาะถ้าต้องการขัดใหม่เมื่อใช้งานไปสักระยะหนึ่ง ดังนั้นถ้าในกรณีของหน้างานเป็นบ้านปลูกเอง สามารถจัดขั้นตอนของงานปูและขัดพื้นก่อนทำสีผนังเที่ยวสุดท้ายได้

หรือในกรณีที่มีโครงการที่จะทำเฟอร์นิเจอร์แบบบิลท์-อินซึ่งส่วนใหญ่สีผนังจะต้องทำใหม่อยู่แล้วลูกค้าก็อาจจะเลือกใช้เป็นไม้พื้นประเภทขัดทำสีที่ว่านี้

ถ้าพูดถึงข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องชนิดของไม้พื้น ซึ่งถ้าแบ่งตามลักษณะการใช้งานพอจะจำแนกได้เป็น3ชนิด คือ

- ชนิดไม้เนื้อแข็ง เช่น ไม้มะค่า ประดู่ แดง เต็ง ฯลฯ
- ชนิดไม้กึ่งเนื้อแข็ง เช่น ไม้สัก ยางพารา โอ๊ค บีช เมเปิล ฯลฯ
- ชนิดไม้เนื้ออ่อน เช่น ไม้สนบางจำพวก ก้ามปู จามจุรี บาร์ซา ฯลฯ

โดยส่วนใหญ่ถ้าเป็นชนิดไม้เนื้อแข็งสีจะเป็นโทนสีเข้มหรือมืด แต่ถ้าเป็นไม้กึ่งเนื้อแข็งและไม้เนื้ออ่อน โทนสีส่วนใหญ่จะเป็นสีออกปานกลางหรือสีอ่อนสว่างๆ แต่ส่วนใหญ่ไม้เนื้ออ่อนไม่ค่อยนิยมนำมาทำพื้นกันเพราะนิ่มเกินไป ดังนั้นไม้พื้นที่ใช้กันอยู่หลักๆจะเป็นชนิดไม้เนื้อแข็งหรือกึ่งเนื้อแข็ง ส่วนจะเลือกใช้ชนิดไหนก็ขึ้นอยู่กับว่าผู้ใช้จะเน้นเรื่องใดเป็นหลัก ถ้าต้องการในเรื่องความแข็งของหน้าไม้เป็นหลักก็ควรจะใช้เป็นไม้ชนิดเนื้อแข็ง เพราะจะสามารถกันเรื่องรอยขีดข่วนได้ดีว่าเนื่องจากเป็นเนื้อแข็งและสีเข้มทำให้ไม่ค่อยเห็นรอย แต่ถ้าหากต้องการให้บ้านออกมาดูสว่าง

และต้องการใช้เฟอร์นิเจอร์ที่ดูสีอ่อนๆหรือสีที่ดูทันสมัยก็น่าจะเลือกใช้เป็นไม้ชนิดกึ่งเนื้อแข็ง ส่วนที่จะเป็นไม้ตัวไหนหรือสีอะไร ก็ขึ้นอยู่กับความชอบและความต้องการว่าต้องการให้งานตกแต่งออกมาในแนวไหน ถ้าต้องการให้ออกมาดูเป็นแนวโมเดิร์นกึ่งคลาสสิค น่าจะเป็นพวกไม้โอ๊ค หรือสักทองเพราะโทนสีจะออกมาเป็นโทนน้ำตาล และมีลายไม้ค่อนข้างชัด

ถ้าต้องการให้ห้องออกมาดูนุ่มๆและอบอุ่น ไม้พื้นน่าจะเป็นพวกไม้บีช ซึ่งจะมีสีออกชมพูส้มๆ ถ้าต้องการให้ห้องออกมาดูสว่างมากๆ ไม้พื้นฮาร์ด เมเปิล จะให้ความรู้สึกได้ดี เนื่องจากโทนสีจะเป็นสีขาวครีม สำหรับโทนสีของไม้ยางพารา ซึ่งออกมาเป็นสีโทนเหลือง ส่วนใหญ่ลูกค้าจะพิจารณาเลือกใช้ เนื่องจากต้องการพื้นไม้ที่สีอ่อนในงบประมาณที่ไม่สูงเกินไป

จากข้อมูลดังกล่าวข้างต้น พอจะสรุปจุดสำคัญๆและลำดับก่อนหลังขององค์ประกอบที่ใช้ช่วยในการตัดสินใจเลือกพื้นไม้ได้ดังนี้

1. ควรคิดภาพรวมๆให้ได้ก่อนว่าอยากใช้เฟอร์นิเจอร์ออกโทนสีอะไร สไตล์ไหน ต้องการให้ห้องออกมาแนวไหนเพื่อที่จะเป็นตัวเลือกของชนิดไม้ให้แคบเข้า จนกระทั่งเหลือชนิดเดียวหรือสองชนิด

2. เมื่อได้ชนิดของไม้ที่อยากได้แล้วก็คิดถึงว่า ไม้ประเภทไหน (สำเร็จรูป หรือขัด-ทำสี) น่าจะเหมาะสมกับลักษณะของการใช้งาน การติดตั้ง และการดูแลรักษาของเรา ส่วนใหญ่ถ้าเป็นไม้ประเภท ขัด-ทำสีน่าจะหาได้สำหรับไม้ทุกชนิด แต่ถ้าเป็นประเภทสำเร็จรูปอาจจะมีการผลิตเพียงบางชนิดไม้ (เนื่องจากส่วนใหญ่ของไม้พื้นสำเร็จรูปในปัจจุบันเป็นการผลิตเพื่อส่งออกต่างประเทศ) บางชนิดไม้ก็อาจจะไม่มีการผลิตซึ่งเราก็อาจจะต้องปรับแนวทางความต้องการให้สอดคล้องกับสินค้าที่มีในท้องตลาดด้วย

3. หาข้อมูลของไม้พื้นตัวที่เราหมายตาไว้จากบริษัทฯหรือร้านค้าที่สามารถที่จะให้ข้อมูลกับเราได้ทั้งในเรื่องของราคา ข้อมูลการติดตั้ง การเตรียมสภาพของหน้างาน เช่นปูนจะต้องทำเป็นผิวเรียบขัดมันหรือไม่ควรจะต้องลดระดับจากระดับที่ต้องการลงมาเท่าไร ฯลฯ หลังจากได้ข้อมูลต่างๆแล้วก็ลองประมวลดูว่าเป็นไปได้หรือไม่กับไม้พื้นตัวที่เราเลือกใช้

4. ถ้าเป็นไปได้ควรจะเตรียมการดังกล่าวล่วงหน้าอย่างน้อยประมาณ3เดือนเพื่อความพร้อมของหน้างาน และเพื่อจะได้ไม้พื้นที่ตรงกับความต้องการของเราอย่างแท้จริง เนื่องจากพื้นถือเป็นองค์ประกอบหลักส่วนหนึ่งของบ้านหรือที่อยู่อาศัยที่จะทำให้บ้านหรือที่อยู่อาศัยนั้นๆออกมาดูดีหรือไม่ และอีกเหตุผลหนึ่งก็คือพื้นเมื่อติดตั้งไปแล้วถ้าหากไม่ชอบ และอยากจะเปลี่ยนจะเป็นเรื่องที่ยุ่งยากมากดังนั้นการเตรียมข้อมูล ในการตัดสินใจให้พร้อมจะทำให้ไม่ต้องเผชิญกับปัญหาดังกล่าว

หลากหลายคำถามที่เจ้าของบ้านอยากได้คำตอบเกี่ยวกับเรื่องพื้นไม้

ถาม -ไม้พื้นชนิดที่สีอ่อนๆเช่นพวกไม้โอ๊ค บีช เมเปิล ยางพารา สน และอื่นๆ ปลวกกินหรือไม่

ตอบ -ถ้ามีตัวปลวกขึ้นมาแสดงว่าพื้นไม้ชนิดนั้นปลวกสามารถกินได้ แต่สามารถป้องกันและกำจัดปลวกได้ โดยสามารถปรึกษากับบริษัทที่เชี่ยวชาญการกำจัดปลวก สำหรับพื้นไม้ชนิดที่เป็นไม้สัก จะมีปัญหาเรื่องปลวกน้อยกว่าไม้ชนิดอื่น

ถาม -จะต้องเตรียมพื้นผิวหรือ หน้างานอย่างไรในการปูพื้นไม้

ตอบ -โดยทั่วไปบริเวณที่จะปูพื้นไม้ควรเตรียมพื้นปูนไว้เป็นผิวเรียบขัดมัน พร้อมปรับระดับให้พื้นเรียบเสมอมากที่สุด เนื่องจากระดับพื้นมีผลต่องานที่ออกมาว่าเรียบร้อยหรือไม่ -ส่วนระยะของการลดระดับขึ้นอยู่กับประเภทของพื้นไม้ ความหนา และรอยต่อของพื้นที่ข้างเคียง ดังนั้นควรขอคำปรึกษากับนักออกแบบหรือเจ้าหน้าที่ของผลิตภัณฑ์

ถาม -ขั้นตอนของงานปูพื้นไม้ กับงานอื่นๆ ควรจัดลำดับก่อนหลังกันอย่างไร


ตอบ -ขึ้นอยู่กับประเภทของพื้นไม้ที่จะปูดังนี้ ถ้าเป็นพื้นไม้ประเภทขัด-ทำสี ควรจะปูก่อนทำการติดตั้ง เฟอร์นิเจอร์ประเภท บิลท์-อิน เพราะงานจะดูเรียบร้อยกว่าการปูหลังจากติดตั้งเฟอร์นิเจอร์แล้ว และถ้าเป็นไปได้บริเวณที่จะทำการปูไม้พื้นประเภทขัด-ทำสี ควรจะเหลือสีผนังและสีฝ้าไว้ 1 เที่ยว เนื่องจากตอนขัดพื้นจะมีฝุ่นทำให้ผนังเลอะเทอะ ถ้าเป็นพื้นไม้ประเภทสำเร็จรูป ควรจะเข้าปูและติดตั้งเกือบจะเป็นงานสุดท้ายก่อนพรมและวอลเปเปอร์(ถ้ามี) หากมีเฟอร์นิเจอร์ประเภทบิลท์-อิน ควรจะเข้าหลังจากเฟอร์นิเจอร์ เสร็จหรือเกือบเสร็จเรียบร้อย เหลือเพียงงานสีนิดหน่อยเพื่อที่พื้นจะได้ไม่เสียหาย

ถาม –ไม้เมืองหนาวมีปัญหาเรื่องโก่งและระเบิดมากจริงหรือไม่

ตอบ -ไม่จริงเพราะปัญหาเรื่องโก่งและระเบิดไม่ใช่เพราะเป็นไม้จากเขตเมืองหนาวหรือจากเขตร้อนชื้น แต่เกิดขึ้นเพราะไม้พื้นที่นำไปใช้ผลิตมาไม่ได้มาตราฐาน และเทคนิคที่กำหนด สำหรับไม้จากเขตเมืองหนาวที่นำมาใช้ในเขตร้อนชื้น จริงอยู่ถ้าหากเทียบระหว่างไม้จากเขตร้อนชื้น เช่น ไม้สัก แดง มะค่า ประดู่ ฯลฯ มักพบปัญหาน้อยกว่าไม้จากเขตหนาว เช่น ไม้โอ๊ค แอช บีช เมเปิล ฯลฯ แต่หากไม้จากเขตร้อนชื้นไม่ได้รับการอบมาให้ได้มาตราฐาน ก็มักเจอปัญหาเรื่องไม้หดตัวอยู่บ่อยๆ แต่ก็ต้องยอมรับความจริงที่ว่าในกรณีที่มีความชื้นจากภายนอกที่ไม่ปรกติมากระทบเช่น น้ำท่วม น้ำซึม หรือน้ำรั่ว ไม้ที่มาจากเขตเมืองหนาวจะมีโอกาสเกิดการบิดหรือ โก่งตัวได้ง่ายกว่าและเร็วกว่าไม้จากเขตเมืองร้อนชื้น ซึ่งเราก็คงต้องยอมรับในหลักการที่ว่า " ของสวยก็ย่อมจะบอบบางกว่าและต้องการ ทนุถนอมที่สูงกว่า "

ถาม - มีข้อแนะนำอย่างไร ถ้าหากจะเลือกใช้พื้นไม้

ตอบ -อย่าตัดสินทุกอย่างที่ราคาอย่างเดียว ควรพิจารณาในรายละเอียดที่เป็นองค์ประกอบด้วยทั้งในเรื่องคุณภาพของตัวไม้เองและคุณภาพของงานบริการปูและติดตั้งเพราะบางครั้งเงินที่คิด ว่าประหยัดได้ 2-3 พันบาท อาจจะสร้างความปวดหัวหรือความหงุดหงิดให้กับเจ้าของบ้านอย่างคาดไม่ถึง


รายละเอียดขั้นตอนการปู ขัด และเคลือบผิวไม้พื้นประเภท ขัด-ทำสี

1.เตรียมความพร้อมของบริเวณที่จะทำการปูพร้อมเก็บกวาดทำความสะอาด ในกรณีที่จะปูรองด้วยไม้อัด จะทาด้านหลังไม้อัดด้วยน้ำยากันปลวก และเชื้อราก่อน แล้วจึงยึดกับพื้นด้วยตะปูคอนกรีต โดยการติดตั้งจะเว้นร่องห่างระหว่างแผ่นของไม้อัดสำหรับไม้อัดขยายตัว
2.ปูและติดตั้งไม้พื้นโมเสค / ปาร์เกต์ / ลิ้นรอบตัว / รางลิ้นตามแบบที่กำหนดโดยใช้กาว
3.ทิ้งระยะเวลาให้กาวแห้ง และไม้ปรับตัวประมาณ 10-15 วัน
4.ขัดเครื่องด้วยกระดาษทราย เบอร์ 24 ,เบอร์ 60 และ เบอร์ 100
5.ตีแป้ง และปั่นสไลด์ด้วยลูกหมูใส่จานกระดาษทรายเบอร์ 100 เพื่อทำให้พื้นผิวของไม้เนียนขึ้น
6.ทารองพื้นด้วยแชลคชนิดใสไม่มีจำนวน1 เที่ยว
7.ทาทับหน้าด้วยโพลียูลีเทน ชนิดเงาของ B-52 ' TOA หรือเทียบเท่าจำนวน 4 เที่ยว โดยก่อนทาทับในแต่ละเที่ยว จะทำทำการขัดลูบด้วยกระดาษทรายน้ำ เพื่อทำให้ชั้นของโพลียูรีเทน ที่ทาลงไปใหม่ยึดเกาะได้ดีขึ้น
8.ในกรณีที่มีการติดตั้งไม้บัวพื้นจะทำหลังจากการทารองพื้น

หมายเหตุ : ขั้นตอนที่ 5 และ 6 อาจจะทำสลับกันได้ขึ้นอยู่กับชนิดของไม้

รายละเอียดขั้นตอนการปู และติดตั้งไม้พื้นประเภทสำเร็จรูป

1.เตรียมความพร้อมของบริเวณที่จะทำการปูพร้อมเก็บกวาดทำความสะอาด
2.ปูรองพื้นด้วย EPE SHEET ความหนาประมาณ 2 ม.ม. เต็มบริเวณที่จะปูพื้นไม้
3.ปูและติดตั้งไม้พื้นปาร์เกต์สำเร็จรูปประเภทแซนวิช 3 ชั้น ในระบบลอยตัว (ไม่ได้ยึดด้านหลังของแผ่นไม้พื้นติดกับพื้นคอนกรีต) และปูเป็นรูปลายปล่อย โดยใส่กาวเฉพาะในร่องทางด้านข้างและด้านปลายของแต่ละแผ่นแล้วเคาะอัดเข้าด้วยกัน กาวที่ใช้จะเป็นกาวปาเก็ตโต้ #1 ซึ่งเป็นมาตราฐานสำหรับปูไม้พื้นปาร์เกต์สำเร็จรูปโดยเฉพาะ
4.เก็บความเรียบร้อยของงานธรณีตามจุดต่างๆ ในกรณีที่มีการติดตั้งไม้บัวพื้นจะทำการติดตั้งหลังจากที่ปูไม้พื้นเสร็จเรียบร้อย

 


แหล่งที่มา : www.bloggang.com
จำนวนคนอ่าน : 17837 คน

บทความที่ใกล้เคียงกัน :

 

หินขัด หินล้าง ทรายล้าง คอนกรีตพิมพ์ลาย

ฮวงจุ้ยกับตู้ปลา

20 ธ.ค. 2555
ฮวงจุ้ยกับตู้ปลา

เชื่อกันว่าหากจัดบ้านให้ถูกต้องตามโฉลกแล้ว จะช่วยเสริมส่งให้เจ้าของบ้านเจริญรุ่งเรือง มีเงินทองไหลมาเทมา ปราศจากพลังร้ายทั้งปวง นอกจากการจัดวางสิ่งของทั่วไปภายในบ้านแล้ว สิ่งหนึ่งที่บ้าน และบริษัทต่างๆ นิยมใช้เพื่อตกแต่ง และผ่อนคลายสายตา ก็คือ ตู้ปลา หรือบ่อเลี้ยงปลานั่นเอง     Read more

เคล็ดไม่ลับบ้านร่มเย็นอยู่สบาย

19 ธ.ค. 2555
เคล็ดไม่ลับบ้านร่มเย็นอยู่สบาย

ใครอยากมีบ้านที่น่าอยู่ อยู่แล้วเย็นสบาย วันนี้เรามีเทคนิคในการสร้างบ้านแบบเย็นๆมาฝากกัน ลองมาดูเทคนิคกันทางนี้เลยค่ะ    Read more

ต่อเติมบ้านอย่างไรให้ถูกกฎหมาย

19 ธ.ค. 2555
ต่อเติมบ้านอย่างไรให้ถูกกฎหมาย

านที่เราซื้อมาใหม่ หรืออยู่อาศัยมาพักหนึ่งแล้ว เรามักต้องการต่อเติมเปลี่ยนแปลง เพื่อให้เหมาะสมกับสภาพการใช้งานหรือเปลี่ยนบรรยากาศของบ้าน หากปรับเปลี่ยนสุ่มสี่สุ่มห้าอาจมีความผิดตั้งแต่ถูกปรับจนถึงจำคุกได้ เพราะกฎหมายกำหนดไว้ว่าการดัดแปลงอาคารโดยมิได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ    Read more

ตู้ปลาติดผนัง นวัตกรรมแปลกใหม่เพื่อคนรักปลา

19 ธ.ค. 2555
ตู้ปลาติดผนัง นวัตกรรมแปลกใหม่เพื่อคนรักปลา

จากตู้ปลาสี่เหลี่ยมที่เราคุ้นเคย ตู้ปลาติดผนังเป็นอีกนวัตกรรมหนึ่งซึ่งดัดแปลงความจำเจให้กลายเป็นความสวยงามแปลกตา และใช้พื้นที่ในบ้านได้อย่างคุ้มค่า    Read more

ไฟฟ้าคืออะไร

19 ธ.ค. 2555
ไฟฟ้าคืออะไร

อุปกรณ์ไฟฟ้าที่อยู่รอบๆตัวเราไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ใช้ภายในบ้าน อุปกรณ์สำนักงาน ตลอดจนเครื่องมือ เครื่องจักรในโรงงานอุตสาหกรรม ล้วนแต่ต้องอาศัยพลังงานจากไฟฟ้าทั้งสิ้น ดั้งนั้นเราควรมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับไฟฟ้าให้มากยิ่งขึ้น    Read more
Topics 46 - 50 of 226