|
ในปัจจุบันนี้ กระจก ที่สามารถ ป้องกันความร้อน ได้ดี ก็คือ กระจกสะท้อนความร้อน (Heat Mirror)
กระจกชนิดนี้มีคุณสมบัติคล้ายกระจกเงา ทำหน้าที่สะท้อน รังสีความร้อนของแสงอาทิตย์ได้ประมาณร้อยละ 60 โดยคุณสมบัติในการสะท้อนนั้นจะมากกว่าการดูดกลืน และ มีสีหลากหลายแปรเปลี่ยนไปตามช่วงเวลาของวันและฤดูกาลอีกด้วย ดังนั้นนอกจากกระจกกันความร้อนจะเป็นตัวช่วยสะกัดกั้นความร้อนเข้าสู่ตัวบ้าน ยังเป็นการสร้างชีวิตชีวาและความสวยงามให้กับตัวอาคารได้อีกวิธีหนึ่ง
กระจกสะท้อนความร้อน นั้น เหมาะสำหรับอาคารที่ใช้งานตอนกลางวันค่ะ เช่น อาคารสำนักงาน เนื่องจากคุณสมบัติการสะท้อนแสง จึงทำให้บุคคลภายนอกที่อยู่ในด้านสว่างกว่ามองเห็นภาพในอาคารไม่ชัดเจน จึงช่วยสร้างความเป็นส่วนตัวให้กับผู้อาศัยภายในอาคารโดยไม่ต้องพึ่งพิงม่านมาช่วยปกปิด
แต่กระจกสะท้อนความร้อน ก็มีข้อด้อยเช่นกันนะคะ คือในตอนกลางคืน แสงที่เกิดขึ้นภายในอาคารจากหลอดแสงสว่าง จะทำให้ผู้คนภายนอกสามารถเห็นผู้คนที่อยู่ภายในได้อย่างชัดเจน ซึ่งในกรณีหลังนี้จะเหมาะสำหรับอาคารธุรกิจบางประเภทเช่น ภัตตาคาร ร้านอาหาร ไม่เหมาะกับการใช้ในอาคารบ้านเรือนที่มีลักษณะส่วนตัวกว่า
กระจก 2 ชั้น (Low Emittance Glass)
มีคุณสมบัติในการแผ่รังสีความร้อนต่ำ กระจกชนิดนี้จะเป็นตัวป้องกันความร้อนจากแสงอาทิตย์
กระจกอัจฉริยะ (Smart Glass)
กระจกชนิดนี้มีสารเคลือบผิวที่มีคุณสมบัติพิเศษในการตอบสนองต่อแสงที่ตกกระทบค่ะ โดยสามารถควบคุมความยาวคลื่นแสงที่ต้องการให้ผ่านกระจกได้ เช่นให้แสงที่มีความยาวคลื่นที่ตามองเห็นได้ผ่านเข้ามาเท่านั้น
สำหรับกระจกใสซึ่งนิยมใช้กันในอาคารแบบเดิม ๆ ความร้อนจากภายนอก จะผ่านทะลุเข้าตัวอาคารได้มาก (ร้อยละ 83) แต่มีแสงสว่างที่ตามองเห็นทะลุผ่านสูง (ร้อยละ 88) ดังนั้นกระจกใส จะให้แสงสว่างเข้ามามาก แต่ในขณะเดียวกันก็จะมีปริมาณความร้อนผ่านเข้ามามากด้วยเช่นกัน ดังนั้นวิธีป้องกันความร้อนที่ผ่านกระจกใส คือ การติดฟิล์มกรองแสงที่ผิวกระจกด้านในซึ่งมีคุณสมบัติในการสะท้อนความร้อนได้สูงถึงร้อยละ 72 ช่วยสะกัดกั้นความร้อนที่จะเข้ามาภายในตัวอาคารหรือบ้านเรือนของเรานั่นเองนะคะ :)
|