|
บนดาดฟ้าของอพาร์ตเม้นท์ 4 ชั้น ย่านอโศก บ้านหลังงามที่ได้รับการออกแบบเพื่อการพักผ่อนอย่าแท้จริง เพราะแม้จะตั้งอยู่ท่ามกลางความพลุกพล่านของเมืองหลวง แต่ที่นี่กลับให้ความรู้สึกที่สงบ ผ่อนคลาย สะดวกสบายสมกับคำว่า“บ้าน” อย่างแท้จริง ซึ่งเราจะพาไปเยี่ยมชมบ้านหลังที่กำลังถุกกล่าวถึงนี้ พร้อมทำความรู้จักกับคุณดลชัย บุณยะรัตเวช หนุ่มหล่อเจ้าของบ้าน
|
 |

|
| |
ตู้เก็บของจากร้านนาดิน ผนังไม้ตกแต่งด้วยงานขนสัตว์
|
|
ดลชัย บุณยะรัตเวช อยู่ในวงการโฆษณาและการสร้างแบรนด์มานานกว่า 20 ปี เขาสร้างสรรค์ผลงานไม่ธรรมดาออกมาให้เราได้เห็นกันอยู่เสมอ จนเมื่อมาถึงเรื่องบ้านของเขาเองก็ยังทำให้เราต้องตื่นใจ เมื่อได้รู้ว่าตั้งอยู่บนชั้นดาดฟ้า
ลิฟท์พาพวกเราขึ้นมาถึงชั้น 4 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดของอพาร์ตเม้นท์ แต่นี่ก็ยังไม่เรียกว่าเป็นชั้นสูงที่สุด เพราะบ้านของ‘ดลชัย บุณยะรัตเวช’ ที่เรากำลังจะไปชมกันในวันนี้อยู่บนชั้นดาดฟ้า เขาเริ่มต้นแนะนำบ้านว่า “ตึกนี้เป็นอพาร์ตเม้นท์เก่าซึ่งทางคุณพ่อกับคุณย่าสร้างไว้ให้ฝรั่งเช่า อายุ 40 ปีแล้วเป็นอพาร์ตเม้นท์ 4 ชั้น ตั้งแต่ผมมาเปิดบริษัท Brandscape อยู่ชั้นหนึ่งของตึก ก็เลยขออนุญาตคุณพ่อ ขอมาอยู่บนดาดฟ้านี้”
|
|

|

|
|
ดลชัยสร้างห้องน้ำสำหรับแขกเพิ่มเติมที่ส่วนศาลา ผนังโมเสกในโทนสีฟ้า อ่างล้างมือเป็นงานออกแบบของอู้ พหลโยธิน
|
และจากการที่เขาเรียนจบจากคณะสถาปัตยกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทั้งยังชอบในเรื่องการออกแบบมาตลอด บ้านของเขาจึงเป็นผลงานจากฝีมือตัวเอง “ผมแต่งทุกอย่างเองหมด เลือกของแต่งบ้านเอง เพราะเรารู้รสนิยมส่วนตัวของเราอยู่แล้ว ซึ่งสไตล์ของตัวเรา คือ การผสมผสาน ระหว่างอดีตกับปัจจุบัน ตะวันตกกับตะวันออก ไม่ชอบอะไรที่มันเป็นทิศเดียวกันไปหมด แต่ขณะเดียวกันการผสมผสานก็ต้องมีทิศทางเฉพาะตัวเหมือนกัน ไม่ใช่ผสมมั่วไปหมด”
|
|

|

|
|
ที่ศาลาวางฟูกแบบง่าย ๆ คลุมด้วยผ้าปูเตียงจาก Pasaya หมอนจาก นันทขว้าง โคมไฟหัวเตียงที่ดลชัยดัดแปลงมาจากเชิงเทียนเก่าของคนจีนและโต๊ะไม้โบราณจากเมืองจีน
|
ชั้นบนของศาลามีอ่างน้ำสำหรับล้างตัวหลังจากการใช้จาคุซซี่ มีเตียงสำหรับนวดที่ด้านข้าง
|
|
"บ้านนี้ใช้โครงสร้างเบาทั้งหมดเพราะอยู่บนดาดฟ้า มันไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อรับน้ำหนักแบบนี้ เราต้องคิดถึงโครงสร้างเดิมด้วย"
ระยะเวลาราว 3 ปี จากเรือนเล็กๆ บนลานโล่งของดาดฟ้าจึงได้ถูกปรับเปลี่ยนไปตามรูปแบบชีวิตและความชอบของ ดลชัย ทีละเล็กละน้อย “เดิมที่นี่เป็นเพ้นท์เฮ้าส์บนดาดฟ้ามีห้องเล็ก ๆ ห้องหนึ่ง ห้องนั่งเล่น ห้องกินข้าวแต่พอผมมาอยู่ก็ขยายออกมา ผมเป็นคนขี้เบื่อไม่ชอบอยู่มุมเดียว ก็ต้องหามุมเปลี่ยนไปเรื่อยๆ อย่างตอนบ่าย ๆ ก็จะไปนั่งที่ศาลาที่เพิ่งสร้างเสร็จเพราะเย็นสบาย มีห้องทำงาน ห้องนั่งเล่นห้องกินข้าว ห้องนอน”
เมื่อเราได้เยี่ยมชมก็ยิ่งรู้สึกว่าบ้านหลังนี้ยิ่งน่าค้นหา เพราะบ้านของเขามีเอกลักษณ์เฉพาะตัว “โครงสร้างเดิมไม่ได้ถูกออกแบบให้เป็นบ้าน ดังนั้น เวลาทำอะไรผมก็จะต้องทำตามโครงสร้างที่มีอยู่ เข้ามาแล้วต้องเดินลงเพราะเป็นทางลงอ่างเก็บน้ำ หรือห้องนอนต้องเดินขึ้นบันไดไป ผมไม่ได้ปรับอะไรที่เป็นโครงสร้างเดิมเลย แต่ผมว่านี่คือเสน่ห์ที่ไม่ธรรมดาของบ้าน” ดลชัยกล่าว
เริ่มแรกเขาเลือกตกแต่งห้องนั่งเล่นและมุมกินข้าว “บ้านนี้ผมเลือกใช้โครงสร้างเบาทั้งหมดเพราะอยู่บนดาดฟ้า มันไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อรับน้ำหนักแบบนี้ในอดีตทำอะไรทีก็จะต้องคิดถึงโครงสร้างด้วย”
|
 |
 |
|
ในสวนเน้นไม้ใบอย่างที่ดลชัยชอบ และยังมีน้ำพุเล็กๆ อีกหลายจุด "หมอดูฮวงจุ้ยบอกว่า มีน้ำไหลในสวนเยอะ ๆ จะดีเพราะฮวงจุ้ยตรงนี้ชนกับสันตึกตรงข้าม ต้องเอาน้ำมาแก้เคล็ด ก็เลยมีบ่อน้ำไหลหลายจุดในสวน”จาคุซซี่ในสวนที่เขาใช้ไวนิลติดตั้งแทนการใช้กระเบื้องตามความสามารถในการรองรับน้ำหนักของดาดฟ้า
จากนั้นเขาก็ได้ปรับเปลี่ยนส่วนที่เคยเป็นห้องนอนในอดีตให้เป็นห้องทำงานในปัจจุบันและต่อบริเวณห้องนอนออกไป โดยห้องนอนนี้ก็ไม่ใช่ห้องนอนธรรมดา “ห้องนอนห้องนี้มีอ่างเก็บน้ำอยู่ข้างล่างครับ” ดลชัยพูดด้วยน้ำเสียงสนุก และเมื่อเร็ว ๆ นี้ เขายังได้ต่อเติมส่วนศาลาขึ้นมาอีกด้วย “ตอนแรกผมสร้างศาลาออกไปเป็นศาลาโปร่ง ไม่ติดแอร์ แต่หลังจากนั้นมีคอนโดฯ สร้างขึ้นมาข้าง ๆ เสียงดังและมีฝุ่น ก็เลยอยู่ไม่ไหว ต้องปิดและติดแอร์คราวนี้ก็เลยจะไปนอนที่ศาลาก็ได้”
|

|
|
ดลชัยเป็นเจ้าของสุนัขน่ารัก 3 ตัว คือ กังฟู พันธุ์ชเนาเซอร์ (schnauzer) และ ฟังโก้ กับ ฟีบี้ พันธุ์สก็อตติช เทอร์เรีย (Scottish Terrier) บริเวณด้านนอกจึงเหมาะที่จะให้เพื่อนตัวน้อยของเขาได้วิ่งเล่น และนอกจากนั้นสีเขียวของต้นไม้ก็ยังดูสบายตา อีกทั้งเรายังสามารถมองออกไปเห็นแสงสีของไฟบนถนนอโศกไปจนตึกระฟ้าของย่านสุขุมวิท ดลชัยอธิบายว่า “ผมชอบธรรมชาติ ชอบทะเล ชอบต้นไม้ ต้นไม้ก็ปลูกเองหมด ถึงจะต้องย้ายจากบ้านเดิมที่ดุสิต ที่เป็นเรือนโบราณอยู่ริมน้ำ มาช่วงแรก ๆ ผมก็ยังไม่คุ้นกับการอยู่บนดาดฟ้าอยู่บ้าง แต่ก็เหมือนเป็นอีกอารมณ์หนึ่ง มองเห็นกรุงเทพฯ รอบเลย เห็นรถไฟฟ้า รู้สึกไม่เหงา”
|
|

|

|
|
พรมในห้องนั่งเล่นจาก Habitat “ผมชอบสีฟ้ากับน้ำตาลของพรม เป็นคู่สีที่น่าสนใจ” ดลชัยพูดโซฟาขนาดใหญ่พิเศษที่เขาสั่งทำจากร้าน ‘นาดิน’ ภาพวาดฝีมือของเขาเอง
|
|
ห้องนอนสร้างอยู่บนอ่างเก็บน้ำ ดลชัยจึงต้องปูพื้นกระเบื้องเพื่อกันความชื้น ภาพถ่ายขาว-ดำฝีมือของ ลูกน้ำ-สุคนธ์ สีมารัตนกุลเมคอัพ อาร์ตติสท์เป็นผู้ถ่ายให้ ห้องนอนเข้าได้ 2 ทาง คือเข้าทางประตูที่ติดกับโถงรับแขก ซึ่งจะสะดวกสำหรับดลชัยตอนกลับบ้านดึก ๆ ไม่ต้องเดินผ่านห้องรับแขก แต่เขาจะปิดประตูนี้เพื่อความเป็นส่วนตัวเวลามีแขกมาที่บ้าน ส่วนทางเข้าอีกทางหนึ่งคือเข้าทางห้องรับแขก ดลชัยพูดว่า “ผมต้องการแค่เตียงใหญ่ ๆ มีโทรทัศน์ในห้อง ใกล้ห้องแต่งตัว และไม่ต้องมีใครผ่านห้อง”
ผลลัพธ์ที่ออกมาจึงเป็นบ้านที่สะท้อนความเป็นตัวเขาเต็มที่ “คือ ผมเลือกใช้วัสดุที่ตัวเองชอบที่สุด ไม่ได้เสแสร้งว่าต้องทำตัวสไตล์แบบนี้จึงจะเท่ เราก็เป็นตัวเราที่สุด และผมชอบความคลาสสิก ไม่มียุคสมัย ไม่ใช่แฟชั่นสุดท้าย ผมเป็นคนไฮเปอร์ ชอบทำกิจกรรมหลากหลาย ไม่ชอบทำอะไรนาน ๆ ก็เลยมีหลายมุม ไม่ชอบถูกจำกัดในที่แคบ ๆ และไม่ชอบถูกตีกรอบ” แต่เขาจึงไม่ได้หยุดการตกแต่งบ้านเพียงเท่านี้ ดลชัยเสริมว่า “ผมจะมีการปรับเปลี่ยนในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ อยู่เสมอ อาจจะเปลี่ยนกรอบรูป หรือลายของวอลล์เปเปอร์ ชอบทำให้บ้านมีอะไรใหม่ ๆ ตลอดเวลา”
ความไม่ธรรมดาของบ้านหลังนี้จึงแสดงได้ถึงความสำคัญที่เจ้าของบ้านมอบให้ ตอบรับกับสิ่งที่เขาบอก “สำหรับผมแล้ว ผมว่าบ้านสำคัญที่สุด ถ้าจะให้เลือกระหว่างอะไรหลาย ๆ อย่าง ไม่ว่าจะทรัพย์สินหรือองค์ประกอบในชีวิต ผมให้ความสำคัญกับบ้านเป็นอันดับ 1 มากกว่ารถยนต์ มากกว่าการท่องเที่ยว ผมว่าถ้าทำบ้านให้ดีที่สุด เป็นตัวเราที่สุด สะท้อนสิ่งที่เราต้องการ นั่นคือความสุข” และความสุขของเขากับบ้านบนดาดฟ้าหลังนี้ก็ได้สร้างความประทับใจให้กับเรา คล้ายกับที่ผลงานของเขาเคยทำมาแล้ว...นับครั้งไม่ถ้วน
|
 |
 |
|
ห้องนั่งเล่นที่เดิมเป็นเรือนกล้วยไม้ดลชัยปรับให้เป็นห้องนั่งเล่นเล็ก ๆ ก่อนออกไปสู่บริเวณสวน วางเก้าอี้โบราณประดับหินอ่อน ฟีบี้ลูกสุนัขพันธุ์สก็อตติช เทอร์เรีย เล่นอยู่ใต้โต๊ะไม้ที่เขาซื้อมาจากเชียงใหม่
"ผมเป็นคนไฮเปอร์ ชอบทำกิจกรรมหลากหลาย ไม่ชอบทำอะไรนาน ๆ ก็เลยมีหลายมุม ไม่ชอบถูกจำกัดในที่แคบ ๆ และไม่ชอบถูกตีกรอบ"
ห้องนั่งเล่นเชื่อมต่อกับมุมรับประทานอาหาร ผนังติดกรอบรูปที่เพื่อนถ่ายให้เขานำมาปรับให้เป็นขาวดำ และที่ผนังเหนือเปียโนติดรูปงานคอนเสิร์ตต่าง ๆ ที่เขาแสดงนำมาติดรวมกันเป็นที่ระลึกถัดจากเปียโนเป็นชั้นวางพระพุทธรูปที่เขาสะสมพระพุทธรูปทั้งล้านนา พม่า ลาว อยุธยา
|
 |
มุมโต๊ะรับประทานอาหารโต๊ะรับประทานอาหารจากร้านกองดี เชียงใหม่ เคาน์เตอร์ทำจากไม้ไผ่อัดเผยให้เห็นรายละเอียดของไม้ หน้าต่างที่เปิดจากครัวทำหน้าที่เชื่อมต่อ 2 ห้องนี้ ภายในครัวมีเคาน์เตอร์แกรนิตล้อมรอบวางโต๊ะเตรียมอาหารที่ทำจากไม้กลางห้อง
Home truths สิ่งที่แพงที่สุดในบ้าน: พระพุทธรูปเก่า
สิ่งที่ชอบที่สุด: พระไม้ลาว
ห้องโปรด: ผมโปรดทุกห้องแล้วแต่อารมณ์ แล้วแต่เวลาแต่ถ้าห้องที่ใช้เยอะที่สุดคือ ห้องนั่งเล่น เพราะมีทุกอย่างในตัว มีโทรทัศน์มีเปียโน เล่นกับหมาก็ได้ ทำงานก็ได้
|