/home/homedecor/domains/www1.homedecorthai.com/public_html/templates/default/ext/ui/article_detail.tpl.php การเลือกซื้อทีวี Plasma LCD LED
 
 
    
   
     
     
   
 

ทีวี Plasma LCD LED อะไรดีกว่ากัน

21 ธ.ค. 2554

Plasma TV
LCD TV
LED TV

อะไรดีกว่ากัน !

Contrast Ratio
ค่าแสดงความคม ชัด ลึก (มีมิติ) วัดจาก “ค่าความขาวที่ขาวที่สุด : ความดำที่ดำที่สุด” ซึ่งค่ายิ่งมากจะยิ่งดี เช่น 10,000 : 1 กับ 50,000 : 1 เครื่องที่ 2 ดูจะมีความชัดและมีมิติลึกที่ดีกว่า(ด้วยวิธีการวัดค่าของผู้ผลิตที่ต่างกัน ทีวีบางรุ่นอาจจะมีค่าที่สูงลิ่ว เช่น 1,000,000 : 1 ซึ่งผู้ผลิตจะกำหนดว่าเป็นค่า Dynamic Contrast Ratio ดังนั้นอาจจะยากสักหน่อยในการเปรียบเทียบข้ามยี่ห้อ แต่อย่างน้อยก็รู้ไว้ว่าค่าที่เยอะกว่ามันจะดีกว่านะครับ
Response Time
ค่าความเร็วในการแสดงภาพเคลื่อนไหวโดยค่านี้ยิ่งน้อยยิ่งดี ทีวีรุ่นนั้นๆ จะแสดงภาพเคลื่อนไหวที่เร็วๆ ได้ไม่กระตุก เช่น 0.001 ms กับ 2 ms ทีวีรุ่นที่แสดงค่า 0.001 ms จะแสดงภาพเคลื่อนไหวเร็วๆได้ดีกว่า
Refresh Rate
ค่าของหน้าจอในการแสดงจำนวนเฟรมภพต่อวินาที (Hz) เช่น 50 Hz, 100 Hz ส่งผลถึงความลื่นไหลของการแสดงภาพเคลื่อนไหว (Motion Flow) ไม่แปลกถ้าทีวีที่ Hz สูงกว่าจะแสดงภาพเคลื่อนไหวได้เนียนตากว่า เพราใน 1 วินาทีสามารถแสดงภาพนิ่งได้มากกว่านั่นเอง

 

จุดสังเกตที่น่าสนใจของ LCD TV
-ใช้หลอด CCFL หลอดผอมๆ เล็กเท่าหลอดกาแฟวางเรียงลงมา  ช่วยกำเนิดแสงผ่าน Liquid Crystal ผลึกแข็งกึ่งเหลว 3 สี
-ให้สีสันของภาพที่สด เหมาะกับการแสดงสีกราฟิก เช่น หนังการ์ตูน ภาพยนตร์ ฯลฯ
-ใช้ได้ดีกับห้องสว่างๆ อาทิ ห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหาร
-กินไฟน้อยกว่าเมื่อเทียบกับพลาสม่า
-ไม่เกิดอาการ Burn-in*
-แสดงภาพเคลื่อนไหวเร็วๆ ได้ไม่ดีนักเมื่อดูจาก Response Time (ดีที่สุด 2 ms)
-แสดงภาพดำสนิทได้ไม่สนิทเท่าไร (ดำสว่าง) เนื่องจากหลอด CCFL (back light) จะเปิดตลอดมีผลเรื่องมิติความลึก ซึ่งอาจจะไม่ลึกเท่าที่ควร
-มีหลากหลายขนาดให้เลือก และราคาในปัจจุบันก็ลดลงมาเกินครึ่งจนยากจะมองข้าม

 

Tip อาการ Burn-in คือ อาการ “ภาพค้างหรือไหม้ติดหน้าจอ” มีสาเหตุมาจากการเปิดภาพนิ่งๆ เป็นเวลานานๆ เช่น การกด Pause ทิ้งไวนานๆ การดูภาพยนตร์ที่มีอัตราส่วนภาพไม่เต็มจอ (มีแถบสีดำคาดบน-ล่าง)  หรือไม่เว้นแม้แต่โลโก้ช่องต่างๆ เช่น ช่อง 3  ช่อง 7  ที่ค้างติดหน้าจอนานๆ และเราก็ไม่ได้เปลี่ยนช่องไปไหนด้วย (แต่อย่าได้กังวลจนเกินไป  จริงๆ แล้วก็มีวิธีป้องกันอยู่มากมาย แต่เอาไว้โอกาสหน้าจะมาบอกนะครับ)

ทีวี LCD TV 32 นิ้ว
รุ่น TH-L32C20 ของ Panasonic

รุ่นนี้เปิดตัวปี 2010 กับสเป็คที่ต้องบอกว่าไม่ถึงกับหวือหวานักแต่ครบเครื่อง HD 1366 x 768 p,  Contrast Ratio 20,000 : 1 มี Real Contrast และ Intelligent  Scene  Controller  แสดงภาพที่มีมิติชัดลึก และยังสนุกไปกับ Viera Image Viewer ช่องต่อ SD  Card / USB ดูภาพถ่าย  ภาพวีดีโอ  และฟังเพลงได้  แต่ที่ถูกใจที่สุดน่าจะเป็นเทคโนโลยี  IPS Alpha   ของแผงหน้าจอเฉพาะค่ายนี้  Panel Type  ที่จะช่วยให้เราเห็นมุมมองด้านข้างได้ชัดด้วย  ไม่จำเป็นต้องนั่งดูตรงๆ  อย่างเดียว

 

จุดสังเกตที่สนใจของ LED TV

-ใช้หลอด LED เป็นตัวกำเนิดแสงผ่าน Liquid  Crystal  ผลึกแข็งกึ่งเหลว 3 สีเหมือน LCD บางคนจึงเรียกว่า LED  LCD  TV  นั่นเอง
-LED TV  มีการวางรูปแบบหลอดอยู่ 3 ประเภท  คือ  Edge  LED,(ศึกษาเพิ่มเติมสักหน่อยก่อนซื้อนะครับ)
-ให้สีสันของภาพสวยสดกว่า LCD  แถมยังใช้ไฟน้อยกว่า
-สามารถเปิด – ปิดหลอดได้เป็นกลุ่มๆ  (Local  Dimming)  จึงแสดงสีดำสนิทได้ดีขึ้นกว่า  LCD  (ยกเว้นประเภท Edge  LED)
-ด้วยความจิ๋วของเจ้าหลอด  LED  จึงทำให้สามารถดีไซน์มาได้บางเฉียบยิ่งขึ้น
-ไม่เกิดอาการ Burn-in
-จุดด้อยหลักๆ ก็คงจะเป็นราคา  ณ  ปัจจุบันที่ยังสูงกว่า  LCD  พอสมควรนี่ละ

ทีวี LED 32 นิ้ว
รุ่น LE5500 ของ LG

รุ่นนี้จัดเป็นทีเด็ดของค่าย  LG  ตระกูล  INFINIA  LIVE  BORDERLESS  ที่ใช้การเชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สาย  ไม่ว่าจะแชร์ข้อมูลผ่านเครือข่าย  LAN  ในบ้านคุณหรือส่งขอมูลภาพ  เพลง  ผ่านสัญญาณ  Bluetooth  หรือจะเชื่อมต่อหูฟังแบบไร้สายก็สะดวก  ไม่พอครับ  ยังมีระบบเชื่อมต่อ  NetCast  ช่วยคุณเชื่อมโลกออนไลน์  อาทิ  YouTube,  Picasa  ส่วนความคมชัดก็อยู่ที่ระดับ  Full  HD  พร้อมคอนทรานสต์สูง 5,000,000 : 1  มี  Spot  Control  ควบคุมแสงสว่างเป็นจุดๆ  (Local Dimming)  ตามด้วยเทคโนโลยี  TruMotion  120 / 100 Hz  ที่ช่วยให้ภาพเคลื่อนไหวไม่สะดุด  ปิดท้ายด้วยกรอบหน้าจอที่บางเฉียบช่วยให้อิ่มตาจุใจยิ่งขึ้น  ขอบของกรอบยังโดดเด่นไม่เหมือนใครด้วยสีแดงฉ่ำเหมือนไวน์แดง

 

 



 

 

คำถามโลกแตกที่ไม่รู้จะฟันธงให้ใครเจ๋งสุดเพราะคำตอบที่ดีที่สุด “ไม่มีที่สุดครับ”  ทีวีทั้งสามประเภทที่มีคุณสมบัติที่ต่างกัน  การใช้งานก็มีดีมีด้อยต่างกัน  ดังนั้นคุณสมบัติไหนของประเภทไหนตรงกับการใช้งานของคุณที่สุด ก็นั่นละครับ ควักกระเป๋าซื้อได้เลย

ทีวี LCD TV 32 นิ้ว
รุ่น KLV-32BX300 ของ Sony

BX 300 Series สเป็คสแตนดาร์ด รูปแบบ HD TV ด้วยความละเอียด 1ล้านพิกเซล (1366 x 768p)  ตามด้วย Dynamic Contrastmuj 140,000 : 1 และประมวลผลด้วย BRAVIA Engine 3  ที่ช่วยเรื่องความคมชัดส่วนราคาก็น่าสนใจทีเดียว และใครที่มีห้องเล็ก ไม่อยากได้จอใหญ่โตนัก ก็รุ่นนี้ละมีให้เลือกหลายไซส์ที่เดียว

ทีวี LCD TV 32 นิ้ว
รุ่น KLV-32EX400 ของ Sony

จัดเป็นรุ่น Full HD ที่จัดจ้าด้วยความละเอียดภาพ 1920 x 1080 p ตามด้วยสเป็ค Dynamic Contrast ที่ 140,000 : 1 ประมวลผลด้วยBRAVIAEngine3 เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ชอบโฮมเอ็นเตอร์เท็น
ไม่ว่าจะดูหนังฟังเพลงอยู่บ้าน เปิดภาพถ่ายได้สนุกง่ายๆด้วย USB  Port  พร้อมช่องต่อ  HDMI  ถึง 4 ช่อง เปิดตัวปี 2010  และปัจจุบันดร็อปราคาลงมาในโฮมเอนเตอร์เทนเนอร์ทั้งหลายที่อยากจับจองได้ยิ่มกันทั่วหน้า

ทีวี Plasma 42 นิ้ว
รุ่น PJ530R ของ LG

ด้วยสเป็ค 600 Hz  Sub  Field  Driving,  Response  Time 0.001 ms  และ  Contrast  Ratio  3.000,000 : 1  ให้ความคมชัดได้ดีทุกรายละเอียด  อีกทั้งระบบ  Intelligent  Sensor  ที่ช่วยเราปรับสีและความสว่างที่เหมาะสมให้อัตโนมัติ  จนถึงระบบเสียง  Infinite  Surround  รอบทิศทาง  โดดเด่นด้วยกรอบภายนอกที่บางกว่ารุ่นอื่นๆ (Razor  Frame)  ให้มุมมองที่กว้างและเต็มอิ่มขึ้น  ลบจุดด้อยของทีวีพลาสม่าที่กินไฟด้วยระบบ  Energy  Saving  Mode

 

จุดสังเกตที่น่าสนใจของ  Plasma TV
-กำเนิดภาพจากการแตกไอออนของ neon  gas  (ก๊าซนีออน)
-ให้สีสันของภาพที่แสดงออกมาดูสมจริงและถูกต้องเป็นธรรมชาติ  (เป็นกลาง)
-มีค่า  Response  Time  ที่ดี  (ต่ำเพียง  0.001 ms)  จึงแสดงภาพเคลื่อนไหวเร็วๆไม่สะดุด
-แสดงสีดำได้ดำสนิทกว่า  LCD  จึงแสดงภาพชัดลึกได้ดีมีมิติ
-มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน
-ไม่เหมาะกับห้องที่มีความสว่างมากๆ  เพราจะเกิดเงาสะท้อนรบกวนความบันเทิง
-ก่อความร้อนมากกว่า  กินไฟมากกว่าเพื่อน
-อาจเจอปัญหา  Burn-in  ได้ถ้าเปิดภาพนิ่งเป็นเวลานาน
-ปัจจุบันมีจำหน่ายตั้งแต่จอ 42  นิ้วขึ้นไป  ใครอยากได้จอเล็กกว่านี้คงต้องคิดหนัก  เพราะราคาจอใหญ่หน้าสนใจที่เดียว


 


 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 


แหล่งที่มา :
จำนวนคนอ่าน : 18130 คน

บทความที่ใกล้เคียงกัน :

 

ไอเดียมาใหม่ใน"รับเจาะน้ำบาดาล"

รับเจาะน้ำบาดาล

ชุดโซฟาสีขาว ในห้องรับแขก

1 ก.ค. 2557
ชุดโซฟาสีขาว ในห้องรับแขก

โซฟาสีขาวนี้ ช่วยให้ ห้องนั่งเล่นของคุณ ดูดี มีระดับ ดูสะอาดตา หลายๆ ท่าน อาจเข้าใจว่า โซฟา หรือ เฟอร์นิเจอร์ ที่มีสีขาว อาจทำความสะอาดได้ยาก หรือ สกปรกบ่อย นั่นก็เข้าใจถูก     Read more

ตกแต่งห้องนั่งเล่นสไตล์ลอนดอน

1 ก.ค. 2557
ตกแต่งห้องนั่งเล่นสไตล์ลอนดอน

มีแบบห้องสไตล์ลอนดอนมาฝากจ้า ขอบอกว่าสวยแซบมาก    Read more

แต่งห้องนั่งเล่น ด้วยชั้นวางของแบบติดผนัง สุดโมเดิร์น

1 ก.ค. 2557
แต่งห้องนั่งเล่น ด้วยชั้นวางของแบบติดผนัง สุดโมเดิร์น

เป็นการออกแบบชั้นวางติดผนังที่มีลูกเล่นน่ารักมากค่ะ เป็นการออกแบบของ Olivia Bradateanu ที่เขาได้ให้ไอเดียการออกแบบผลงานนี้ว่า ชั้นวางของในสายลม ลองรับชมผลงานของเขากันค่ะ น่ารักทีเดียว    Read more

ตกแต่งห้องนั่งเล่น ด้วยลวดลายของดอกไม้ หลากสีสัน

1 ก.ค. 2557
ตกแต่งห้องนั่งเล่น ด้วยลวดลายของดอกไม้ หลากสีสัน

เป็นการออกแบบห้องนั่งเล่นได้เก๋ไก๋ทีเดียว กับการใช้ลวดลายของมวลดอกไม้มาประดับตกแต่งทำให้ห้องนั่งเล่นนั้นดูคลาสสิกมากทีเดียวและยังเพลิดเพลินกับการสนทนาหรือดื่มชาในช่วงฤดูใบไม้ผลิได้อย่างดี    Read more

ห้องนั่งเล่น สวยหวาน สดใส

1 ก.ค. 2557
ห้องนั่งเล่น สวยหวาน สดใส

วันนี้ homedecorthai มีไอเดียการตกแต่งห้องนั่งเล่นที่มีการใช้สีหลากสีสัน ซึ่งเหมาะกับสาวๆ กำลังสดใสกันเลยทีเดียว ซึ่งแต่ละสีที่ทางเราคัดสรรค์มานั้นเป็นสีที่สดใสหลากสไตล์ มีลวดลายที่โดนใจวัยทีนกันเลยทีเดียว พูดุถึงการจัดห้องด้วยโทนสีที่สดใสนั้นทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายได้ด้วยเหมือนกันเพราะสีที่ให้ความรู้สึกสดในทำให้จิตใจเรานั้นดีตามสีสันของห้องด้วย    Read more
Topics 6 - 10 of 45

ชมไอเดีย "รับเจาะน้ำบาดาล" ทั้งหมด