Plasma TV
LCD TV
LED TV
อะไรดีกว่ากัน !
Contrast Ratio
ค่าแสดงความคม ชัด ลึก (มีมิติ) วัดจาก “ค่าความขาวที่ขาวที่สุด : ความดำที่ดำที่สุด” ซึ่งค่ายิ่งมากจะยิ่งดี เช่น 10,000 : 1 กับ 50,000 : 1 เครื่องที่ 2 ดูจะมีความชัดและมีมิติลึกที่ดีกว่า(ด้วยวิธีการวัดค่าของผู้ผลิตที่ต่างกัน ทีวีบางรุ่นอาจจะมีค่าที่สูงลิ่ว เช่น 1,000,000 : 1 ซึ่งผู้ผลิตจะกำหนดว่าเป็นค่า Dynamic Contrast Ratio ดังนั้นอาจจะยากสักหน่อยในการเปรียบเทียบข้ามยี่ห้อ แต่อย่างน้อยก็รู้ไว้ว่าค่าที่เยอะกว่ามันจะดีกว่านะครับ
Response Time
ค่าความเร็วในการแสดงภาพเคลื่อนไหวโดยค่านี้ยิ่งน้อยยิ่งดี ทีวีรุ่นนั้นๆ จะแสดงภาพเคลื่อนไหวที่เร็วๆ ได้ไม่กระตุก เช่น 0.001 ms กับ 2 ms ทีวีรุ่นที่แสดงค่า 0.001 ms จะแสดงภาพเคลื่อนไหวเร็วๆได้ดีกว่า
Refresh Rate
ค่าของหน้าจอในการแสดงจำนวนเฟรมภพต่อวินาที (Hz) เช่น 50 Hz, 100 Hz ส่งผลถึงความลื่นไหลของการแสดงภาพเคลื่อนไหว (Motion Flow) ไม่แปลกถ้าทีวีที่ Hz สูงกว่าจะแสดงภาพเคลื่อนไหวได้เนียนตากว่า เพราใน 1 วินาทีสามารถแสดงภาพนิ่งได้มากกว่านั่นเอง
จุดสังเกตที่น่าสนใจของ LCD TV
-ใช้หลอด CCFL หลอดผอมๆ เล็กเท่าหลอดกาแฟวางเรียงลงมา ช่วยกำเนิดแสงผ่าน Liquid Crystal ผลึกแข็งกึ่งเหลว 3 สี
-ให้สีสันของภาพที่สด เหมาะกับการแสดงสีกราฟิก เช่น หนังการ์ตูน ภาพยนตร์ ฯลฯ
-ใช้ได้ดีกับห้องสว่างๆ อาทิ ห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหาร
-กินไฟน้อยกว่าเมื่อเทียบกับพลาสม่า
-ไม่เกิดอาการ Burn-in*
-แสดงภาพเคลื่อนไหวเร็วๆ ได้ไม่ดีนักเมื่อดูจาก Response Time (ดีที่สุด 2 ms)
-แสดงภาพดำสนิทได้ไม่สนิทเท่าไร (ดำสว่าง) เนื่องจากหลอด CCFL (back light) จะเปิดตลอดมีผลเรื่องมิติความลึก ซึ่งอาจจะไม่ลึกเท่าที่ควร
-มีหลากหลายขนาดให้เลือก และราคาในปัจจุบันก็ลดลงมาเกินครึ่งจนยากจะมองข้าม
Tip อาการ Burn-in คือ อาการ “ภาพค้างหรือไหม้ติดหน้าจอ” มีสาเหตุมาจากการเปิดภาพนิ่งๆ เป็นเวลานานๆ เช่น การกด Pause ทิ้งไวนานๆ การดูภาพยนตร์ที่มีอัตราส่วนภาพไม่เต็มจอ (มีแถบสีดำคาดบน-ล่าง) หรือไม่เว้นแม้แต่โลโก้ช่องต่างๆ เช่น ช่อง 3 ช่อง 7 ที่ค้างติดหน้าจอนานๆ และเราก็ไม่ได้เปลี่ยนช่องไปไหนด้วย (แต่อย่าได้กังวลจนเกินไป จริงๆ แล้วก็มีวิธีป้องกันอยู่มากมาย แต่เอาไว้โอกาสหน้าจะมาบอกนะครับ)

ทีวี LCD TV 32 นิ้ว
รุ่น TH-L32C20 ของ Panasonic
รุ่นนี้เปิดตัวปี 2010 กับสเป็คที่ต้องบอกว่าไม่ถึงกับหวือหวานักแต่ครบเครื่อง HD 1366 x 768 p, Contrast Ratio 20,000 : 1 มี Real Contrast และ Intelligent Scene Controller แสดงภาพที่มีมิติชัดลึก และยังสนุกไปกับ Viera Image Viewer ช่องต่อ SD Card / USB ดูภาพถ่าย ภาพวีดีโอ และฟังเพลงได้ แต่ที่ถูกใจที่สุดน่าจะเป็นเทคโนโลยี IPS Alpha ของแผงหน้าจอเฉพาะค่ายนี้ Panel Type ที่จะช่วยให้เราเห็นมุมมองด้านข้างได้ชัดด้วย ไม่จำเป็นต้องนั่งดูตรงๆ อย่างเดียว
จุดสังเกตที่สนใจของ LED TV
-ใช้หลอด LED เป็นตัวกำเนิดแสงผ่าน Liquid Crystal ผลึกแข็งกึ่งเหลว 3 สีเหมือน LCD บางคนจึงเรียกว่า LED LCD TV นั่นเอง
-LED TV มีการวางรูปแบบหลอดอยู่ 3 ประเภท คือ Edge LED,(ศึกษาเพิ่มเติมสักหน่อยก่อนซื้อนะครับ)
-ให้สีสันของภาพสวยสดกว่า LCD แถมยังใช้ไฟน้อยกว่า
-สามารถเปิด – ปิดหลอดได้เป็นกลุ่มๆ (Local Dimming) จึงแสดงสีดำสนิทได้ดีขึ้นกว่า LCD (ยกเว้นประเภท Edge LED)
-ด้วยความจิ๋วของเจ้าหลอด LED จึงทำให้สามารถดีไซน์มาได้บางเฉียบยิ่งขึ้น
-ไม่เกิดอาการ Burn-in
-จุดด้อยหลักๆ ก็คงจะเป็นราคา ณ ปัจจุบันที่ยังสูงกว่า LCD พอสมควรนี่ละ

ทีวี LED 32 นิ้ว
รุ่น LE5500 ของ LG
รุ่นนี้จัดเป็นทีเด็ดของค่าย LG ตระกูล INFINIA LIVE BORDERLESS ที่ใช้การเชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สาย ไม่ว่าจะแชร์ข้อมูลผ่านเครือข่าย LAN ในบ้านคุณหรือส่งขอมูลภาพ เพลง ผ่านสัญญาณ Bluetooth หรือจะเชื่อมต่อหูฟังแบบไร้สายก็สะดวก ไม่พอครับ ยังมีระบบเชื่อมต่อ NetCast ช่วยคุณเชื่อมโลกออนไลน์ อาทิ YouTube, Picasa ส่วนความคมชัดก็อยู่ที่ระดับ Full HD พร้อมคอนทรานสต์สูง 5,000,000 : 1 มี Spot Control ควบคุมแสงสว่างเป็นจุดๆ (Local Dimming) ตามด้วยเทคโนโลยี TruMotion 120 / 100 Hz ที่ช่วยให้ภาพเคลื่อนไหวไม่สะดุด ปิดท้ายด้วยกรอบหน้าจอที่บางเฉียบช่วยให้อิ่มตาจุใจยิ่งขึ้น ขอบของกรอบยังโดดเด่นไม่เหมือนใครด้วยสีแดงฉ่ำเหมือนไวน์แดง